ริมสระว่ายน้ำที่มีวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นชายหาดทอดยาวจนถึงทะเลที่อยู่เบื้องหน้า
ในค่ำคืนที่สายลมพัดเอื่อยอากาศเย็นสบาย
ท้องฟ้าเปิดเผยให้เห็นดวงดาวส่องแสงเป็นประกาย
ช่างเป็นใจให้บรรยากาศรอบกายของคู่รักที่นั่งมองดาวดูโรแมนติกขึ้นไปอีก
ไม่มีวันไหนที่เราจะหลงลืมความรักที่มีให้แก่กัน
และจะไม่มีวันไหนที่ผมไม่เพิ่มเติมความรักของเขาและผมให้มากขึ้นกว่าเดิม
นั่นคือสิ่งที่ผมสัญญากับตัวเอง คำสัญญาที่ผมเต็มใจทำเพื่อคนที่ผมรักมากที่สุด
คนที่ยอมมอบความรักให้แกคนที่ไม่มีใครสนใจใยดี
คนที่ละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังและใช้ชีวิตไปวันๆ แบบผม
“พี่ยงกุกฮ่ะ! นั่งจ้องผมนานแล้วนะเนี่ย
คิดอะไรอยู่บอกผมมาเลยนะ” ผมได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของเขา
มีวันไหนที่ผมไม่มีรอยยิ้มนี้ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ
“ก็คิดเรื่องของเราไงครับ
เรื่องของคนที่พี่รักแล้วก็รักพี่อย่างเจโล่ไงครับ” ผมดึงเด็กน้อยของผมให้มานั่งบนตักของผมซึ่งเจ้าตัวก็ยอมแต่โดยดี
“คิดถึงผมแต่ทำไมคิ้วพี่มันพันกันเป็นเลขแปดแบบนี้อ่ะ?”
เจโล่บุ้ยปากใส่ผมเพราะคิดว่าผมคิดเรื่องอะไรกันนะ
“พี่ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอกน่า
ก็แค่คิดว่าถ้าเจโล่จำพี่ไม่ได้
ถ้าเจโล่ไม่กลับมาที่ม้านั่งตัวนั้นเราจะเจอกันได้ยังไง” เจโล่จ้องตาผม
เป็นแววตาที่ผมเข้าใจมากกว่าใครทั้งนั้น
เพราะนี่คือสายตาในแบบที่ผมถูกอีกคนมองอยู่บ่อยๆ
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ
ยังไงผมก็ต้องเจอพี่ยงกุกแล้วพี่ยงกุกก็ต้องหาผมเจอเหมือนกัน
ที่สำคัญคือตอนนี้พี่ยงกุกมีผมอยู่ข้างกายไม่ห่างไปไหนอีกแล้ว
ทำหน้าแบบนี้ผมเสียใจนะ” เจโล่ไม่ชอบที่สุดเวลาที่ผมนึกถึงช่วงเวลาแห่งความมืดมนของชีวิต
แต่ใครจะอดคิดย้อนกลับไปได้ล่ะ
ใครจะคิดว่าชีวิตของผมจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งแบบนี้ถ้าหากผมไม่มีเจโล่คนนี้
“พี่รักเจโล่ที่สุดเลยรู้ไหม?” ไม่มีถ้อยคำใดอีกเอื้อนเอ่ยจากอีกคน
มีเพียงริมฝีปากเรียวเล็กที่บรรจงจูบนุ่มนวลลงบนริมฝีปากของผม
จูบในแบบที่เจโล่ชอบที่สุด
จูบที่ไม่ล่วงล้ำหากแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของอีกคน
ทันทีที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มถอนออกไป
ก็กลายเป็นตากลมๆ แสนน่ารักจ้องมองผมพร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนในวันแรกที่เราเจอกัน
“ผมรักพี่ยงกุกมากกว่าที่พี่ยงกุกรักผมอีกนะ”
เด็กน้อยของผมติดนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้มาจากไหนเนี่ย? แต่ทุกครั้งที่เจโล่ค้อนใส่ยิ่งทำให้เขาน่ารักมากขึ้นไปอีก
นี่เขาจะทำให้ผมรักผมหลงมากไปถึงไหนกันนะ
ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะมองพี่ยงกุกด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้ ทั้งที่พี่ยงกุกบอกว่าผมเป็นคนทำให้โลกของเขาสดใสขึ้น
แต่พี่ยงกุกก็ทำให้โลกของผมสมบูรณ์แบบมากกว่าใครคนไหนในโลก
ผมมีคนที่รักผมมากขนาดนี้ผมยังต้องการอะไรอีกล่ะ
“ฮัดชิ้ว! ฮืม!!” ทั้งที่บรรยากาศออกจะโรแมนติกแต่ผมดันมาจามเนี่ยนะ
น่าขายหน้าชะมัดเลย
“จามซะแล้ว เข้าบ้านดีกว่านะเดี๋ยวเมียรักของพี่จะไม่สบายเอาได้”
พี่ยงกุกพูดจบก็อุ้มผมตัวลอยเลย ทำไมถึงชอบอุ้มผมนักนะ
“ผมไม่หนักรึไงฮ่ะ??” ผมอยากรู้จริงๆ นะ พี่ยงกุกอุ้มผมตัวลอยตลอดเลยนี่หน่า
“หนักครับ แต่เบากว่าความรักของพี่เยอะ”
พูดแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะ
“พี่ยงกุกบ้า! พูดอะไรเลี่ยนๆ
ได้หน้าตาเฉย” ผมอดโมโหไม่ได้เพราะพี่ยงกุกเห็นว่าผมเขินก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ถ้าพูดแล้วเจโล่เขินจนหน้าแดงแบบนี้
พี่จะพูดวันละสามครั้งหลังอาหารเลยครับ” พูดจบพี่ยงกุกก็หอมแก้มผมอีกหลายฟอดใหญ่
สงสัยแก้มผมมันหอมจริงๆ นั่นแหล่ะเพราะพี่ยงกุกหอมแก้มผมวันละร้อยรอบได้
“แก้มผมหอมมากขนาดนั้นเลยหรอฮ่ะ?”
ผมสงสัยพี่ยงกุกชะมัด เขาไม่เคยเบื่อเลยรึไงกันนะ
“หอมมากเลยครับ หอมทั้งตัวเลยด้วย”
ผมเห็นนะว่าสายตาพี่ยงกุกหื่นขึ้นมากระทันหันนะ
แต่ผมไม่ว่าอะไรพี่ยงกุกหรอกฮ่ะเพราะตอนนี้เราแต่งงานกันแล้วนี่หน่า
ถ้าสามีของผมจะหื่นบ้างก็คงไม่ผิดอะไรหรอกจริงไหม?
ยงกุกที่อุ้มเจ้าสาวหมาดๆ
ของตัวเองมาตั้งแต่ริมสระว่ายน้ำจนถึงห้องนอนที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับคืนแต่งงานไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยแม้แต่น้อย
เพราะตลอดทางที่เดินมาได้รับพลังจากคนให้อ้อมกอดมาเต็มเปี่ยม
“เหนื่อยจังเลยครับเจโล่” เพราะทันทีที่ยงกุกพูดแบบนี้
เจโล่ก็จะจุ๊บแก้มของยงกุกเพิ่มพลังให้และก็เป็นแบบนี้มาตลอดทางเลย
เพราะเจโล่เล่นจุ๊บแก้มยงกุกมาตลอดทางเลย
“จุ๊บๆๆๆ” มีเพียงเสียงจุ๊บของเจโล่ดังมาตลอดทาง
“เล่นจุ๊บมาตลอดทางแบบนี้อยากได้อะไรรึเปล่าเนี่ย?”
เจโล่มองยงกุกตาแป๋วก่อนจะเอ่ยออกมาแบบอายๆ
“อาบน้ำด้วยกันนะฮ่ะ” เจโล่เอ่ยออกมาเบาๆ แต่ยงกุกได้ยินมันชัดเจนเลยล่ะ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ?” ยงกุกวางเจโล่ลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ปลายเตียงก่อนจะจัดการล็อคห้องนอนให้เรียบร้อย
ร่างหนาเดินกลับมาหยุดอยู่ต่อหน้าร่างบางที่กำลังเขินเพราะคำขอของตัวเอง
ยงกุกค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้าเจโล่ก่อนจะเอื้อมไปกอบกุมมือทั้งสองข้างของเด็กน้อย
ริมฝีปากหนาจุมพิตลงบนแหวนแต่งงานที่อีกคนสวมไว้
“เจโล่ไม่ใช่แฟนพี่แล้วนะครับ
แต่เป็นเจ้าสาวของพี่เป็นเมียสุดที่รักของพี่ เป็นคนที่พี่จะรักและดูแลไปตลอดชีวิต
เพราะงั้นเลิกเขินได้แล้ว” ยงกุกโน้มหน้าไปจุมพิตลงบนหน้าผากในขณะที่เจโล่หลับตาพริ้ม
ยงกุกที่เห็นเจโล่เขินอายก็ค่อยๆ
ถอดชุดของอีกคนออกจนหมดทุกชิ้นก่อนจะโอบมือทั้งสองข้างรอบหน้าของคนขี้อาย
“ลืมตาสิครับ
ทำอย่างกับไม่เคยเห็นยังงั้นแหล่ะ” ยงกุกจูบเจโล่อ่อนโยนเช่นเคย
ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองต่อหน้าเจโล่ที่ตกใจตาโตมองคนหน้าด้านที่แก้ผ้าต่อหน้าตัวเอง
“พี่ยงกุกอ่ะ!!” เจโล่หันซ้ายหันขวาเพราะเป็นครั้งแรกที่ยงกุกถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกแล้วยืนประจันหน้าแบบนี้
อาจจะเป็นเพราะทุกครั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีเวลาให้มองจึงรู้สึกเขินที่ต้องมองร่างกายของอีกคน
ในขณะที่ตัวเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
“พี่พาเจโล่ไปอาบน้ำดีกว่า
เดี๋ยวจะเขินจนเป็นลมไปซะก่อน!” ครั้งนี้ไม่อุ้มแต่กลับกุมมืออีกคนให้เดินไปด้วยกันแทน
“วันนี้อาบฝักบัวนะครับ” ทันทีที่ยงกุกพูดจบสายน้ำเย็นๆ ก็ไหลลงรดผิวกายของทั้งคู่
ยงกุกไม่รู้คิดอะไรอยู่ที่จับเจโล่อาบน้ำฝักบัวแบบนี้เพราะทุกทีจะเป็นจับลงอ่างน้ำซะมากกว่า
แต่ไม่นานเจโล่กูรู้ตัวสักทีว่าอะไรที่ยงกุกต้องการจะทำ
เมื่อมือหนากำลังไล่นิ้วเรียวยาวไปทั่วแผ่นหลังของตัวเอง
ก่อนจะจับให้เขาหันมาเผชิญหน้าสบสายตาที่มองอีกคนจนแทบจะละลายไปกับฟองสบู่
“สระผมให้พี่หน่อยสิครับ” ยงกุกบีบยาสระผมลงบนมือของเจโล่ก่อนจะยิ้มหวานพลางโอบเอวอีกคนจนแนบชิดติดกาย
“ผมเขินนะพี่ยงกุก!” เจโล่ค้อนใส่ยงกุกแต่ก็ยอมสระผมให้อีกคนทั้งที่ยังโดนกอดอยู่แน่น
“เจโล่เป็นเมียพี่แล้วนะ
ยังจะเขินอะไรอีกครับ” ว่าแล้วยงกุกก็รวบเอวเจโล่ขึ้นสูงก่อนจะอุ้มเอาไว้
ส่วนเจโล่ที่กลัวตกก็จำใจต้องกอดเอาขาคายเอวอีกคนเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้
“พี่ยงกุกเล่นอะไรครับเนี่ย?” เจโล่ตกใจก็จริงแต่ก็ไม่ลืมดุใส่คนเล่นไม่เป็นเรื่อง
“พี่กลัวเจโล่เมื้อยก็เลยอุ้มไว้ซะเลย
เจโล่จะได้ไม่ต้องยืนแขนเวลาสระผมให้พี่ไงครับ
เด็กน้อยรู้ดีว่าโดนอีกคนแกล้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าตัวก็แอบชอบท่าทางของยงกุกตอนนี้อยู่ไม่น้อยเลย
“ล้างฟองได้แล้วฮ่ะ” กว่าจะสระผมเสร็จทั้งคู่ก็เขินม้วนไปหลายรอบ
“ได้เลยครับผม”
ดูท่าการอาบน้ำของทั้งคู่น่าจะเป็นการยั่วยวนของยงกุกซะมากกว่า
เพราะแทบจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากจะหาเรื่องให้อีกคนแนบชิดตัวติดกัน
จนสุดท้ายการอาบน้ำก็เสร็จสิ้น
ยงกุกจัดการเช็ดเนื้อตัวเจโล่ให้แห้งก่อนจะจับอีกคนเป่าผมให้แห้งดี
“พี่ยงกุกฮ่ะ! พี่แกล้งผมใช่ไหมเนี่ย?”
เจโล่รู้สึกว่ายงกุกเอาแต่แกล้งให้เขาเขินเล่นไม่ได้คิดจะทำอะไรสักนิด
ส่วนคนโดนรู้ทันก็ได้แต่อมยิ้มตอบกลับ
“พี่ก็แค่อยากให้เจโล่เลิกเขินนี่ครับ”
เจโล่เบะปากแถมยังทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้จนยงกุกต้องอุ้มมาวางลงเตียงนอนอย่างเบามือ
“แกล้งผมแบบนี้ผมโกรธพี่ยงกุกจริงๆ ด้วย”
เจโล่ที่เขินอายเพราะกลัวว่าอีกคนจะทำอะไรกับต้องเขินเก้อเพราะยงกุกดันอาบน้ำอย่างเดียว
ยิ่งคิดเจ้าตัวก็ยิ่งโมโหจนควันออกหูเพราะมาโดนแกล้งให้เขินเล่นซะเปล่า
“แสดงว่าเจโล่ก็อยากให้พี่ทำอย่างว่าใช่ไหม??”
เจโล่ทุบไหล่ยงกุกไปหลายทีเพราะหมั่นไส้
“ผม.. ฮึ๊ย! ไปนอนโซฟาเลยนะ” ว่าแล้วเจโล่ก็หมุดตัวลงใต้ผ้าห่มด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด
“ให้นอนโซฟาจริงๆ หรอครับ ถ้าพี่นอนโซฟาจริงอย่าร้องไห้แล้วกัน”
ยงกุกทำท่าขยับตัวจะลุกจากเตียงก็โดนเจโล่ตวาดใส่แทน
“ถ้าขยับลงจากเตียงผมจะโทรหาแม่ทันทีเลยคอยดูสิ!!”
หน้าเล็กๆ โผล่พ้นผ้าห่มมาเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาปริ่บๆ
เหมือนจะร้องไห้
“ทำไมเด็กน้อยขอพี่เอาแต่ใจจังครับวันนี้?”
ยงกุกลุกมานั่งคร่อมเด็กน้อยที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากสวย เปลือกตาทั้งสองข้าง จมูกเล็กๆ
แก้มนวลใสแสนนุ่มทั้งสองข้างและริมฝีปากบางที่กำลังเบะบุ้ย
สัมผัสอ่อนโยนทำเอาเจโล่มองยงกุกด้วยสายตามึนงง
“ไม่ต้องดื้อ ไม่ต้องเอาแต่ใจ
พี่ก็ยอมตามใจเจโล่อยู่แล้วครับ” จากจุมพิตแสนหวานกลายเป็นจูบหวาบหวามแทน
ลิ้นเล็กๆ ถูกเกี่ยวรัดด้วยลิ้นยาวจากอีกคนที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของตัวเอง
ริมฝีปากหนาบดริมฝีปากบางจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้อากาศเข้าออก
แต่ไม่นานนักก็เลื่อนไปที่ข้างแก้มก่อนจะไซร้ซอกคอเรียวยาวให้อีกคนเคลิ้บเคลิ้มหวั่นไหว
“พี่ยงกุกนี่ เมื่อกี้แกล้งผมจริงๆ
ใช่ไหม?” เจโล่ผลักอกยงกุกออกก่อนจะมองตาอีกคนตรงๆ
สายตานั้นหวานจนอีกคนยอมแพ้
“พี่ไม่ได้แกล้งครับ
แค่อยากทำแค่นั้นจริงๆ ไม่เชื่อพี่ยงกุกของเจโล่หรอครับฮือ?” ยงกุกรู้ว่าเจโล่คงสงสัยที่เขาไม่คิดจะทำอะไรทั้งที่อีกคนเขินจนแทบจะละลายอยู่แล้วแท้ๆ
“แล้วตอนนี้พี่ก็กำลังอยากจะทำอะไรที่เจโล่คิดว่าพี่จะทำตอนอาบน้ำด้วย
เจโล่ผลักพี่ออกแบบนี้พี่เสียใจนะ” ยงกุกมองเจโล่ด้วยสายตาอ้อนวอน
“งั้นก็จูบผมสิฮ่ะ” เจโล่ดันตัวเองขึ้นก่อนจะมานั่งลงที่ตักของยงกุก
ร่างบางที่แสนเขินอายในตอนนี้กำลังจูบร่างหนาจนอีกคนเคลิ้มไปกับรสจูบของเด็กน้อย
ริมฝีปากเล็กๆ
ที่ซุกไซร้ไปตามลำคอจนถึงแผงอกของยงกุกกำลังขบเม้มสร้างรอยแดงให้ยงกุกที่ได้แต่ยิ้มให้กับความพยายามแสนน่ารักของเด็กน้อย
“จะยั่วกันขนาดนี้เลยหรอครับ” ยงกุกดึงใบหน้าหวานขึ้นมาจูบเร้าร้อนก่อนจะยกสะโพกอีกคนให้ขึ้นสูง
“อ้า!” ยงกุกดันตัวเองเข้าไปจนสุดก่อนจะปล่อยให้สะโพกของร่างบางทิ้งตัวลงจนแนบชิด
“ขยับสิฮ่ะ เอาค้างไว้แบบนี้ได้ไงอ่ะ”
เจโล่ประท้วงขึ้นมาทันทีที่ยงกุกดันตัวเองเข้าจนสุดแต่ดันไม่ขยับออกแรงเลยสักนิด
“เจโล่ก็ขยับหน่อยสิฮ่ะ
พี่อยากให้เจโล่ทำให้นะ” ยงกุกเอ่ยกระซิบข้างหูก่อนจะโดนเจโล่มองหน้าด้วยสายตาค้อนๆ
“แกล้งผมอีกแล้วนะฮ่ะ” เจโล่ทำท่าจะขยับตัวออกแต่ยงกุกก็ดึงสะโพกกลับลงแรงๆ จนเจโล่เผลอครางออกมา
“อื้อ! พี่.. อืมม” เจโล่แทบจะหมดแรงไปเลยเพราะยงกุกไม่ขยับสะโพกแต่กลับกอบกุมรอบเจโล่น้อยแล้วขยับมือเบาๆ
“เจโล่ช่วยพี่หน่อยสิครับ!” ยงกุกออกแรงส่าวมากขึ้นอีก
พร้อมกับโอบรอบคอของเจโล่ลงมาจูบหยาดเยิ้มเร้าอารมณ์ให้อีกคน
“อ่ะ!” เจโล่เริ่มทนไม่ไหวกับการขยับมือของยงกุกจนต้องขยับสะโพกตัวเองตามไปด้วย
“อย่างนั้นแหล่ะครับเจโล่” เจโล่วางมือไว้บนไหล่ของยงกุกก่อนจะขยับสะโพกจนเส้นผมพลิ้วไหวไปตามแรงกระแทก
ใบหน้าสวยกำลังขบเม้มริมฝีปากเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้ครางออกมา
“พี่ยงกุกอ่ะ ผมจะไม่ไหวแล้วนะ!”
ร่างบางกระแทกสะโพกลงแรงๆ หลายต่อหลายครั้งพร้อมๆ
กับที่มือของยงกุกขยับรูดรั้งอย่างรุนแรงก่อนจะเอานิ้วกดลงตรงปลายเบาๆ
“อื้มมม” ไม่นานเจโล่ก็ซบหน้าลงบนไหล่ของยงกุก
ร่างบางกระตุกไปสองสามทีก่อนจะปล่อยน้ำรักออกมาเต็มหน้าท้องของอีกคน
“เก่งจังเลยครับ” ยงกุกจูบขมับเจโล่ก่อนจะจับให้เจโล่นอนราบไปกับเตียงทั้งที่ร่างกายของเขายังออยู่ตัวของอีกคน
มือทั้งสองข้างรวบขาของเจโล่ขึ้นมาวางไว้บนไหล่ก่อนจะโน้มลงไปจูบเจโล่ที่นอนทำตาหวานส่งมาให้
“คราวนี้พี่จะทำบ้างนะครับ
พี่อยากได้ยินเสียงครางของเจโล่นะรู้ไหม?” เจโล่โอบคอบลำคอหนาให้อีกคนก้มลงมาจูบ
ลิ้นเล็กๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของยงกุก ควานหาความหวานจนยงกุกต้องรีบจูบตอบให้ร้อนแรงได้อย่างใจของอีกคน
“วันนี้เด็กน้อยของพี่หื่นนะเนี่ย”
ยงกุกก้มลงไปไซร้ซอกคอขาวก่อนจะขยับมาดูดเม้มที่ยอดอกสีชมพู
ลิ้นร้อนกำลังดูดดุนจนร่างบางบิดไปมาเพราะอารมณ์มากมายที่ถูกปรนเปรอส่งมาให้
“มองหน้าพี่สิครับ
พี่อยากให้เจโล่มองหน้าพี่นะ” ยงกุกเอื้อมมือไปลูบข้างแก้มของเจโล่ข้างหนึ่ง
ส่วนอีกข้างยังคงประคองขาของเจโล่ไว้
“ฮ่ะ” เสียงตอบที่แผ่วเบาทำเอาอีกคนแทบคลั่ง
ยงกุกเริ่มขยับสะโพกช้าๆ
ก่อนจะเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
จนร่างบางเริ่มสั่นไหวไปตามแรงมหาศาลที่ถุกส่งมาให้
“อ่ะๆๆๆ” เจโล่ที่จ้องยงกุกไม่วางตากำลังครางไม่เป็นภาษา
เพราะความเสี่ยวซ่านที่ได้รับมา
“เสียงครางของเจโล่ทำให้พี่ไม่อยากหยุดเลยรู้ไหม?”
ยงกุกก้มลงไปจูบเจโล่อย่างดูดดื่มโดยไม่ลืมซอยสะโพกเข้าออกถี่และรุนแรงจนสะโพกบางสั่นไหวไม่ได้หยุดพัก
“อ้าฮ่ะ!” เจโล่ปิดตัวไปมาเพราะความรู้สึกท่วมล้นของตัวเอง
“พี่ยงกุก! อ้า.. ผม.. อื้มมม” เจโล่เอื้อมมือโอบรอบหน้าของยงกุกเอาไว้ก่อนจะมองยงกุกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความต้องการมากมาย
“จะถึงแล้วใช่ไหม? พร้อมกันนะครับ!” ยงกุกเน้นสะโพกเข้าสุดแรงอย่างรั่วเร็วจนเจโล่ทะลึ่งตัวไปโอบรอบคอยงกุกเอาไว้เพราะกลัวจะขาดใจตายซะก่อน
“เจโล่อ่า อ่ะ!!” ร่างยงกุกกระตุกไปหลายทีก่อนจะปล่อยน้ำรักแสนอุ่นเข้าไปในร่างของเด็กน้อยที่โอบกอดเขาเอาไว้
ส่วนเจโล่ก็ไม่ต่างเท่าไหร่เพราะปล่อยออกมาจนเปรอะเต็มหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
ทั้งคู่กอดกันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง
ก่อนที่เจโล่จะปล่อยแขนออกหลวมแล้วจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของยงกุก
“ผมทำพี่เปื้อนอีกแล้ว” ยงกุกได้แต่อมยิ้มเพราะเจโล่ทำหน้าอ้อนใส่
“งั้นก็ไปอาบน้ำกันอีกรอบดีกว่า”
ยงกุกอุ้มเจโล่ขึ้นโดยยังไม่ถอนร่างกายของเขาออก
ทำเอาเจโล่หน้าแดงเพราะตอนที่ยงกุกเดินไปห้องน้ำสะโพกของทั้งคู่ก็ขยับไปมาจนเด็กน้อยเริ่มจะมีอารมณ์อีกรอบ
“อยากให้พี่ทำอีกรอบไหมครับ?” ยงกุกถามเจโล่ก่อนจะได้คำตอบเป็นการพยักหน้าตอบของเด็กน้อยที่แก้มแดงไปหมด
“อ่ะ! เอาออกทำไมครับ?” เจโล่ตกใจที่จู่ๆ ยงกุกก็ดึงตัวเองออกไป
“ก็เอาไอ้นี่ออกก่อนไงครับ” น้ำขุ่นขาวไหลค่อยๆ ไหลออกมาทำเอาเจโล่เขินจนต้องมองไปทางอื่น
“อายอีกแล้วหรอครับ
นี่ของพี่นะไม่ใช่ของคนอื่นสักหน่อย” ยงกุกไซร้ซอกคอเจโล่ทันทีที่เห็นว่าอีกคนกำลังอาย
“อีกรอบนะครับ” ยงกุกอุ้มเจโล่ชิดติดผนังห้องน้ำก่อนจะแทรกตัวเองเข้าไปจนสุดอีกครั้ง
“อืมมม” เจโล่หมดแรงซบหน้าลงบนไหล่ของยงกุกอีกรอบทันทีที่โดนอีกคนแทรกตัวเข้ามา
“เจ็บก็บอกนะครับ” ทั้งที่ก็เคยมาแล้ว
แต่มาทำแบบนี้หลายครั้งต่อกันก็ต้องมีบ้างที่ยงกุกต้องห่วงเจโล่ที่แสนบอบบางของเขา
“ไม่เป็นไรฮ่ะ
ผมรู้ว่าพี่ยงกุกไม่กล้าทำให้ผมเจ็บหรอก” เจโล่กระซิบข้างหูของยงกุกยิ่งทำให้ยงกุกต้องการบดขยี้สะโพกนี่ให้หนักมากขึ้น
“รักเจโล่ที่สุดเลยครับ” ยงกุกเริ่มออกแรงอีกครั้ง
ทำเอาร่างบางที่ถูกอุ้มอยู่ตัวลอยขึ้นลงไปมาเพราะแรงส่งของอีกคน จนสุขสมอย่างที่ต้องการกันทั้งคู่
ไม่นานยงกุกก็จับเจโล่อาบน้ำอีกรอบเพราะต่างก็เปรอะเปื้อนไปด้วยกันทั้งคู่
แต่กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็หมดแรงไปหลายรอบพอดู
จนสุดท้ายก็เป็นยงกุกที่ต้องอุ้มเจโล่กลับมานอนที่เตียงอย่างที่เคยทำ
“หลับฝันดีนะครับที่รักของผม” ยงกุกจุมพิตลงบนหน้าผากของเจโล่แบบทุกครั้งที่เคยทำเวลาพาเจโล่เข้านอน
“ผมรักพี่ยงกุกนะฮ่ะ สุดที่รักของผม”
เจโล่หอมแก้มยงกุกก่อนจะซบหน้าลงกับอกกว้างแสนอบอุ่นที่คุ้นเคย
ในอ้อมกอดแสนปลอดภัยและอบอุ่น
ไออุ่นของคนในอ้อมกอดได้มอบความอบอุ่นให้เจ้าของอ้อมกอดไม่ต่างกัน
จะมีฝันไหนดีเท่าการนอนหลับในอ้อมกอดของคนที่คุณรักและรักคุณอีกแล้วคงไม่มีจริงไหม?
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น