uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 13 กว่าจะรู้เรื่อง

ผมคือเด็กหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มสดใส โลกของผมนั้นมีสีสันของลูกกวาด ถูกแต่งแต้มด้วยความรักแสนบริสุทธิ์ ตั้งแต่จำความได้ผมเป็นคนที่ชอบหัวเราะ ผมสามารถยิ้มและสนุกไปได้กับทุกๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ความคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไปเพราะพี่ชายขี้แยคนหนึ่งที่ผมเคยเจอมาหลายปีก่อน ผมไม่ชอบความเศร้าในแววตาคู่นั้นของเขา ผมอยากแบ่งปันโลกแห่งความสุขของผมให้กับเขา
แต่เมื่อผมได้กลับมาพบกับเขาอีกครั้ง เขายังคงเศร้าไม่ต่างจากที่พบกันวันแรก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ผมต้องการจะใช้เวลากับคนๆ นี้ให้มาก ผมไม่แน่ใจว่านี่คือสิ่งเรียกกันว่ารักรึเปล่า แต่เขาคือผมจะทุ่มเททุกอย่างที่ผมสามารถทำได้เพื่อเขาคนนี้ คนที่ผมยอมมอบอมยิ้มของรักของห่วงของผมให้กับเขาตั้งแต่แรกเจอ แต่น่าแปลกเพราะหลังจากเจอกันอีกครั้งผมไม่เคยต้องเก็บอมยิ้มไว้ในกระเป๋าเหมือนที่เคย อาจเป็นเพราะผมหาเขาเจอแล้วและเขาไม่เคยห่างจากผมไปไหนอีกเลย
แต่ในวันนี้ผมที่เคยยิ้มและหัวเราะอย่างสดใสกำลังใจจะขาดกับภาพตรงหน้านี้ ทำไมเขาถึงบาดเจ็บ ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเจ็บแบบนี้ ปกติผมจะร้องไห้เพื่ออ้อนหรือไม่ก็ทำเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมต้องการเท่านั้น แต่ในวันนี้ผมกำลังร้องไห้เพราะกลัวจะเสียคนตรงหน้านี้ไป นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรักใช่ไหม?

“ว่าไง? คุยกันเข้าใจรึยังฮือ?” ลุงมินซูกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากทิ้งให้เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน แต่ประเด็นคือผมยังไม่ได้ถามอะไรจากพี่ยงกุกเลยนี่สิ
“ลุงซื้อของกินมาฝากเราด้วยนะ ชื่อเจโล่ใช่ไหม? ฮิมชานเล่าเรื่องของเราให้ลุงฟังเยอะเลย”
“มึงเล่าอะไรให้ลุงก็ฟังไอ้ฮิม?” ผมแค่ถามให้แน่ใจว่ามันไม่ได้เล่าเยอะเกินเหตุ
“ฮิมชานแค่บอกว่าเจโล่เป็นเจ้าของม้านั่งในสวนที่แกหวงนักหวงหนา ถึงขนาดกระทืบนักเลงจมดินเพื่อไม่ให้เข้าใกล้มัน จนไม่มีใครกล้าไปนั่งม้านั่งตัวนั้นอีกเลยนะ ลุงต้องเล่าให้ฟังอีกไหมว่ามีเรื่องอะไรอีกบ้าง” แม่งไอ้เหยิน มึงไม่เล่าด้วยล่ะว่าก็ชอบเจโล่นะ
“อ้อแล้วก็! เรื่องที่เจโล่จับแกใส่ชุดนอนลายกระต่ายสีแดงได้ด้วย!!” ระยำแล้วไงมึง
“ไอ้เหยิน!! อ้า...” แปลบ!!! เจ็บแผลสิครับ ดันโกรธมันจนลืมว่าตัวเองโดนยิงมา
“ไม่ต้องทำเก่งเลยนะพี่ยงกุก นอนนิ่งๆ ไปเลยไม่งั้นผมกลับบ้าน!” ผมเริ่มจะควันออกหูแล้วนะ ขนาดโดนยิงยังจะมาทำเก่งอีก ทางนี้ก็อีกคนจะเล่นหูเล่นตาอะไรนักหนา
“พี่ฮิมชานด้วย ถ้าไม่หยุดแกล้งพี่ยงกุกผมจะไม่ให้ยองแจมาเจอพี่อีก!!” เป็นไงไอ้เหยิน โดนดีไหมมึงกล้ามาแกล้งยงกุกคนนี้ต่อหน้าเจโล่น้อยได้
“ไม่ต้องบอกฉันก็ไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าเท่าไหร่หรอก” ยองแจพูดตอบเจโล่ก่อนจะทำหน้าเซ็งใส่ฮิมชาน ที่ตอนนี้อึ้งรับประทานไปเรียบร้อย
“ยงกุก!” ตาแก่ที่มองสงครามเล็กๆ ของพวกเด็กๆ ก็ต้องเอ่ยกับหลานอย่างเอือมระอา
“ครับลุง” อย่าเพิ่งพูดอะไรต่อหน้าเจโล่ได้ไหมลุง
“ฉันว่านายต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของนายให้มากกว่านี้นะ ประเภทที่โกรธจนไม่กลัวลูกปืนนี้ขอเถอะนะ ลุงรู้ว่าแกชกต่อยไม่เคยแพ้ใคร แต่กับลูกปืนนี้ช่วยกลัวมันสักนิดก็ดีนะยงกุก”
“เอาไว้พูดเรื่องนี้ทีหลังได้ไหมครับลุง?” ผมเห็นว่าสีหน้าของเจโล่เริ่มกังวลกับผมอีกรอบ
“ฉันจะพูดต่อหน้าหลานสะใภ้ฉันนี่ล่ะ” ฮือ? สะใภ้?? ใคร??? ไม่มี!!!
“คิดว่าลุงตามโลกใบนี้ไม่ทันรึไงไอ้หลานบ้า ถ้าไม่ใช่หลานสะใภ้จะให้ฉันเรียกว่าไง? มีใครขึ้นเสียงกับแก่แล้วอยู่รอดสบายดีรึไงฮ่ะ?” แล้วก็ไม่ต้องหันไปยิ้มให้เจโล่ของผมเลยนะลุง
“เจโล่ยังไม่ได้เป็นสะใภ้หรอกครับ” เสียงลอยมาจากจองอบที่เงียบอยู่นานสองนาน อันที่จริงก็ไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่อ่ะนะ
“ตอนนี้ยังเป็นช่วงดูความประพฤติครับ” แล้วยองแจก็เสริมทัพเพิ่มอีกคน
“อืมม ยังงี้นี่เอง ลุงเข้าใจแล้ว” ว่าแต่ลุงมินซูจะหันไปหาเจโล่ของผมทำไมเนี่ย แล้วยังจะจับมืออีก?
“เจโล่ลุงฝากปราบพยศไอ้บ้ายงกุกหน่อยนะ ลุงทำอะไรมันไม่ได้เลยคงต้องหวังพึ่งเราแล้วนะ พ่อหนุ่มน้อย” นั่น! ยังจะมาลูบหัวอีก
“ลุงปล่อยมือเลยนะ!” หึงอ่ะดิไอ้หลานคนนี้ กับลุงมันก็ไม่เว้นรึไง
“นี่มันหึงแบบนี้ตลอดเลยรึเปล่าเนี่ย?” ไม่ต้องไปถามเจโล่เลยลุง
“ผมจะจัดการให้เองนะฮ่ะลุงไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้ไม่กล้าวิ่งใส่ลูกปืนอีกแน่นอนเลยคอยดูสิฮ่ะ” เราคงมีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลยนะพี่ยงกุก
“อืมม ได้เวลาลุงกลับแล้ว ดูแลกันให้ดีนะ ไปล่ะเด็กๆ” กว่าจะกลับได้นะลุงบ้า
“ไปไหนกันมาหรอ?” เจโล่เอ่ยปากถามจองอบกับยองแจ
“ลุงมินซูพาไปเลี้ยงซูชิมาอ่ะ” ยองแจตอนนี้กำลังยิ้มหน้าบานเพราะถูกใจของอร่อยอย่างแรง
“พี่แดฮยอนกินแข่งกับยองแจด้วยล่ะเจโล่” จองอบเล่าไปยิ้มไป ทำเอาเจโล่เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย
“พี่ว่าเจโล่กลับบ้านก่อนดีไหม? เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นห่วงนะ” ไอ้เหยินมึงเงียบเลย อยู่ๆ มาไล่เจโล่ของฉันกลับบ้านได้ไงว่ะ
“ไม่ต้องหรอก! พี่โทรบอกพ่อกับแม่ของเจโล่ให้แล้ว เห็นบอกว่าเดี๋ยวเอาของมาให้จะได้เฝ้าไข้ยงกุกได้สบายๆ อีกอย่างแม่ก็รอพ่ออยู่บอกว่าอยากจะมาดูอาการด้วยนะ”
“ขอบคุณฮ่ะพี่แดฮยอน” กูรักมึงมากไอ้แด้เพื่อนรัก แต่กูเกลียดมึงไอ้เหยิน
“แต่เจโล่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไปหาอะไรกินก่อนไหม” มึงยังจะไม่หยุดนะเหยิน
“ผมจะรอกินพร้อมพี่ยงกุกฮ่ะ” พี่รักเจโล่ที่สุดเลย
“แต่ยงกุกเพิ่งเย็บแผลไป หมอให้กินได้หรอเจโล่” ก็กูจะกิน หมอจะห้ามได้รึไง
“กินได้ฮ่ะ เพราะเป็นแผลภายนอกไม่ใช่แผลภายใน แถมพี่ยงกุกก็ถึกเป็นควายขนาดนี้ กินได้สบายมากเลยล่ะผมว่า” ใครก็ได้ช่วยเก็บอีเด็กแก้มป่องนี้ไปที
“ฮ่ะๆๆๆ” นั่นไง ที่รักของผมจะหัวเราะชอบใจแบบนั้นไม่ได้นะ
“พี่ยงกุกครับ!” ไอ้เด็กตาตี่มันจะเรียกทำไมว่ะ
“พี่ซัดคนเยอะขนาดนั้นจนปางตายแต่ตัวเองเจ็บแค่นี้ได้ยังไงกันฮ่ะ?” มันจะมาถามอะไรตอนนี้
“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันนะพี่ยงกุก” นั่นไง สุดที่รักของผมจ้องผมตาเขม็งเลย
“ก็...” จะตอบว่าไงดีหว่าตู
“ยงกุกมีความสามารถพิเศษนะ คือ มีเรี่ยวแรงมหาศาลเช่นหมีควาย ทนถึกแบบเดียวกับคิงคอง และโง่พอๆ กับควายไม่งั้นคงไม่เดินเข้าใส่ลูกปืนอ่านะ” ขอบคุณไอ้แด้เพื่อนรัก ตอนนี้กูอยากฆ่ามึงมากกว่าอีเหยินแล้วนะเว้ย ดูมันสาธยายเข้า
“แล้วทำไมถึงไปมีเรื่องได้ฮ่ะ? แล้วที่พี่บอกผมว่าปกป้องคนของพี่หมายความว่ายังไง ผมไม่เคยถามพี่ว่าพี่ทำงานอะไรเพราะผมคิดว่าพี่จะทำเหมือนพี่ฮิมชาน ตกลงว่างานแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ผมอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพี่ เล่ามาให้หมดถ้าไม่หมดผมจะไปถามลุงมินซู” งานเข้าครับพี่น้อง ใครก็ได้ช่วยยงกุกคนนี้ทีคร๊าบ
“พี่.. เป็น..” จะโยกไปโยกมาเพื่ออะไรครับพี่ยงกุก จองอบปวดหัวนะครับ
“ก็แบบ.. เอ่อ..” จะอมพนัมอีกนานไหมครับเพื่อนยงกุก แดฮยอนอึดอัดแทนนะคร๊าบ
“จะว่ายังไงดีล่ะ.. เฮ้อ!” ถ้าพี่ยังจะไม่พูดให้จบ ยองแจคนนี้จะระเบิดลงแล้วนะครับ
“คือว่า..” ใครก็ได้ช่วยฮิมที ฮิมจะบ้าตายกับเพื่อนเหงือก มันจะอธิบายอะไรยากปานนั้น
“อีกนานไหมว่าผมจะรู้เรื่องเนี่ย?” เห็นด้วยอย่างยิ่ง!จากอีกสี่คนที่เหลือ
“พี่ช่วยลุงมินซูดูแลบ่อนนะ” บ่อนอะไร? บ่อนไหน?
“มันเป็นของลุง ส่วนพี่เป็นคนคุม” ยงกุกเอ้ย พูดออกไปจนได้สิน่า เฮ้อ!
“สรุป!” หน้าตาน่ารักๆ ของเจโล่ทำไมกลายเป็นโหดไปได้ล่ะครับวันนี้? ใครก็ได้อธิบายให้ผมเข้าใจที
“มาเฟียนะ” เป็นตายเท่ากัน งั้นก็สารภาพบาปซะเลยให้สิ้นเรื่อง
“มาเฟีย!!!!” มีเพียงฮิมชานที่ไม่ตกใจ เพราะรู้มานานแล้ว ส่วนแดฮยอนก็เคยสงสัยนิดๆ แต่ก็ขี้เกียจจะถาม ส่วนสามคนที่เหลือตอนนี้มีแต่ยองแจที่ไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไหร่
“ทำไมไม่เคยบอกผมเลยฮ่ะ?” นั่นไงท่าไม้ตายถูกใช้อีกรอบ แก้มขาวเริ่มป่องออกเล็กน้อย ริมฝีปากเรียวเล็กที่แปลงร่างเป็นลูกเชอรรี่ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ก็ฆ่าพี่คนนี้ให้ตายเถอะนะเจโล่ ยังจะมากระพริบตาปริบๆ อีกง่ะ
“ถ้าบอกแล้วจะห่วงใช่ไหมล่ะ? อีกอย่างตั้งแต่เจอกับเจโล่พี่ก็แทบจะไม่เข้าไปทำงานเลยด้วยซ้ำ นี่ก็เกือบจะสามเดือนแล้วนะที่พี่แทบจะหายไปจากที่นั้นอ่ะ ขนาดลุงมินซูยังบ่นให้พี่เลย ไม่เชื่อเจโล่ถามลุงมินซูดูก็ได้นะ” ขอยืมมุกพ่อมาใช้บ้างแล้วกันนะครับงานนี้ ขอเปลี่ยนหน้าโหดเข้าสู่โหมดแอ๊บแบ๋วชั่วคราว อืมม เขาเรียกว่าแมวเชร็คใช่ป่าวว่ะ? ว่าแล้วผมก็เอาหมัดทั้งสองมาช้อนไว้ใต้คางก่อนจะทำตาโตแบ๋วเว่อร์ใส่เจโล่
“เจโล่! ถือว่าพี่ขอร้องแล้วกันนะ ยกโทษให้มันเถอะนะ” ฮิมผู้นี้ทนดูไม่ได้
“ฉันว่านายรีบยกโทษเฮอะเจโล่ ฉันทนดูไม่ไหวแล้วนะแบบนี้” ยองแจที่กำลังเอามือปิดตากำลังประท้วงขอความเห็นใจจากเพื่อนของเขา
“เอ่อ ขนลุก!” แดฮยอนอายแทนครับเพื่อน
“ก็น่ารักไปอีกนี่ครับ!” จองอบพ่อหนุ่มน้อยโลกสวยกลับมาอีกครั้ง
“ฮือ???” ยองแจ ฮิมชาน และแดฮยอน กำลังอึ้งกับระดับความคมชัดภาพของสายตาของจองอบ อย่างที่ยงกุกทำเนี่ยนะน่ารัก?
“แน่นะฮ่ะ ที่ว่าไม่ได้ไปแล้วนะ? แล้วทำไมวันนี้ถึงไปมีเรื่องได้ล่ะ??” ตากลมๆ ยังจ้องผมไม่วางตา สรุปเมื่อกี้ที่ทำไปสูญเปล่า ไม่ได้ผลกับเจโล่หรอเนี่ย
“ก็ฮยองซิกมันโทรมาเรียกให้ไปช่วย แล้วที่พี่โกรธจนเล่นงานพวกนั้นซะเละก็เพราะ.. ไอ้จุนจินมันใช้มีดแทงฮยองซิกนะสิ ใครจะไปทนไหวล่ะ” ผมเห็นสายตาเจ็บปวดจากพี่ยงกุก คงเพราะกำลังโทษตัวเองอยู่แน่ๆ ที่ไปช่วยไม่ทัน ผมทายถูกใช่ไหมฮ่ะ?
“ฮยองซิกมันปลอดภัยแล้ว แค่เจ็บหนักกว่าคนโดนยิงก็เท่านั้นแหล่ะ” ฮิมชานตอบยงกุกทันทีเพราะเขาเองก็เป็นห่วงเด็กคนนั้นเหมือนกัน
“แล้วฮยองซิกนี่ใครหรอครับพี่ฮิมชาน?” ตาตี่ๆ กำลังถามเพราะสงสัยใคร่รู้
“เป็นรุ่นน้องนะ แต่เพราะคลุกอยู่แต่แถวนั้น ก็เลยติดส่อยห้อยตามยงกุกมาได้หลายปีแล้ว”
“ถ้างั้น พวกเราไปเยี่ยมเขาดีไหมครับ?” จองอบของพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่นมากก็ได้นะครับผม พี่หึงนะรู้ไหม?
“เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะพี่ว่าวันนี้อาจจะหลับไปแล้วก็ได้นะ” เชื่อพี่แด้สุดหล่อเถอะนะอบบี้
“ก็ได้ครับ!” ว่าแล้วตาตี่ก็ยิ้มหวานตอบ

“ว่าไงเด็กๆ อ้าว! ยงกุกตื่นแล้วหรอลูก” เอ่อ.. แม่จะหอบอะไรมาเยอะขนาดนั้นครับเนี่ย?
สภาพแม่ของเจโล่ยังไม่น่าห่วงเพราะแค่หอบถุงขนมกับผลไม้ แต่พ่อนี่สิน่าห่วงมีทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า และอีกอันที่น่าจะเป็นหมอน, ผ้าห่ม และก็มีอะไรต่อมิอะไรมากมายไปหมด
“แม่กลัวว่าเจโล่จะค้างที่นี่ลำบากหน่อย แม่ก็เลยหอบเอาของที่น่าจะได้ใช้มาให้นะ” แม่คร๊าบ มันจะเยอะไปไหมครับ เจโล่แค่เฝ้าไข้พี่ยงกุกเองนะไม่ได้ย้ายบ้านสักหน่อย
“ว่าแต่ยงกุกเป็นไงบ้างเนี่ย? เห็นหมอบอกว่าโดนยิงด้วยหรอ!” พ่อของเจโล่กำลังมองหน้ายงกุกอย่างจริงจังเพราะเขาเองก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย จะว่าไปตอนนี้ยงกุกเองก็ไม่ต่างจากคนในครอบครัวของเขา เพราะยงกุกคอยดูแลเจโล่ตลอดแถมยังกินข้าวที่บ้านเขาอยู่บ่อยๆ เขาเองก็เอ็นดูยงกุกเหมือนลูกชายคนนึงไปแล้ว
“ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ย? เฮ้อ! ยงกุกนี่น่าตีให้ตายจริงเชียวแม่เป็นห่วงนะรู้ไหม??” ว่าแล้วคุณนายชเวก็โอบกอดยงกุกด้วยความห่วงใย เล่นเอายงกุกถึงกับน้ำตาซึม เขาได้รับความรักจากครอบครัวของเจโล่มามากมายเหลือเกิน
“ขอบคุณครับ” ที่ให้ผมมีครอบครัวอีกครั้ง
“ขอบคุณเรื่องอะไรกันจ๊ะ ยงกุก?” ทำไมถึงได้ทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นล่ะยงกุก แม่ใจไม่ดีนะลูก
“ขอบคุณที่เป็นห่วงผมครับ” คุณนายชเวรู้เรื่องของยงกุกดี เพราะเจโล่มักจะเล่าให้เธอฟังเสมอ นั่นยิ่งทำให้เธออ่อนโยนกับยงกุกมากขึ้น
“ทำไมต้องขอบคุณด้วยเล่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกเป็นธรรมดาไม่ใช่รึไงยงกุก” ถ้อยคำจากปากคุณชเวผู้เป็นพ่อ ทำเอาบรรยากาศในห้องอบอวนไปด้วยความรัก ฮิมชานเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่ายงกุกเพราะเพื่อนของเขาจะไม่เหงาอีกแล้ว ส่วนจองอบตอนนี้ก็กำลังร้องไห้ซบอกแดฮยอนอยู่เพราะซึ้งเกินเหตุ ส่วนเจ้าตัวยุ่งอย่างเจโล่กำลังยิ้มกว้างใสคนเป็นพ่อ เพราะเขาดีใจที่พ่อแม่ของเขาก็รักยงกุกไม่ต่างกับตัวเขาเลย
เจโล่กำลังมองดูครอบครัวและเพื่อนของเขาอย่างมีความสุข แล้วจ้องมองคนที่ทำให้เขาเป็นห่วงแทบบ้า คนที่ทำให้เขาคิดถึงจนทำอะไรไม่ถูกทั้งที่ไม่เห็นหน้าแคบชั่วครู่ก็ทำให้ใจหายได้ คนที่ทำให้เขากระวนกระวายเพียงเพราะติดต่อไม่ได้ คนที่ทำให้เขาร้องไห้เพราะไม่อาจทนเห็นว่าเขาเจ็บปวด พี่ทำให้ผมเปลี่ยนไปนะฮ่ะพี่ยงกุก
คนที่ขโมยเอาหัวใจของผมไปคือผู้ชายที่ชื่อบังยงกุกคนนี้ เขาคือคนที่ผมรักสินะ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น