ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเจโล่ก็แทบจะไม่พูดอะไรเลย
แค่ผมมองดูก็รู้ว่าเจโล่กำลังรู้สึกแย่แค่ไหน ทั้งที่ผมสัญญาแล้วแท้ๆ
ว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
แต่สุดท้ายผมก็ยังเอาตัวเองเข้าไปผูกอยู่กับสิ่งที่เจโล่ต้องการให้ผมจากมา
“เจโล่ครับ!”
ยงกุกลองเอ่ยเรียกเจโล่เบาๆ
“ฮ่ะ” เจโล่ตอบยงกุกเพียงแค่เสียงเท่านั้น
จากที่เคยหันมายิ้มให้เวลาโดนเรียกชื่อ
“จะไม่มองหน้าพี่เลยหรอครับ?”
ยงกุกรู้ว่าเจโล่คงไม่อยากมองหน้าเขาเท่าไหร่
แต่ยังไงเขาก็อยากให้เจโล่มองเขาอยู่ดี
“ขอโทษฮ่ะ”
เจโล่หยุดเดินก่อนจะหันหน้ามามองยงกุกด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ผมจำเป็นต้องเป็นรุ่นที่ห้าด้วยหรอ
พี่ยงกุกจำเป็นต้องมาดูแลเรื่องนี้เพราะผมด้วยหรอฮ่ะ??” สายตาของเจโล่ทำให้ยงกุกรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
“ถ้าผม..”
ยงกุกไม่อยากให้เจโล่พูดคำต่อไปออกมา เขาจึงดึงตัวเจโล่เข้ามาจูบแทน
มือเรียวของยงกุกรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลลงข้างแก้มของเจโล่
เขาถึงถอนจูบออกก่อนจะพูดยืนยันสิ่งที่เขาตัดสินใจลงไปแล้ว
“พี่รักเจโล่นะ
อย่าคิดว่าจะผลักไสพี่ไปให้พ้นตัวเชียว เพราะพี่ไม่มีทางปล่อยเจโล่ไปไหนแน่ๆ
พี่ไม่สนว่าพี่จะต้องทำอะไร จะต้องฆ่าใครพี่ก็ไม่สน ขอเพียงอย่างเดียว.. แค่เจโล่รักและอยู่กับพี่แบบนี้ตลอดไป
ได้ไหม??” ยงกุกจ้องมองนัยน์ตาใสที่ชุ่มลื่นไปด้วยน้ำตาของเจโล่
ก่อนจะมอบจูบอ่อนโยนให้อีกครั้งเพื่อเยี่ยวยาจิตใจของอีกคน
“พี่ยงกุกฮ่ะ”
เจโล่ที่ร้องไห้ไม่หยุดได้แต่กอดยงกุกเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะทำยงกุกหลุดมือไป
“เราหนีไปด้วยกันไม่ได้หรอฮ่ะ??”
ถ้อยคำของเด็กน้อยที่ไม่อยากจะยอมรับโลกโหดร้ายที่เพิ่งดาหน้าเข้ามาในชีวิต
“ไม่ต้องหนีไปไหนทั้งนั้น
เพราะพี่จะอยู่กับเจโล่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม!” อย่างน้อยอ้อมกอดของยงกุกก็ช่วยให้เจโล่สงบใจลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
ต่างจากคุณและคุณนายชเวที่ในตอนนี้กำลังอ่านข้อมูลที่ได้มา
แก๊งค์ชินฮวาไม่เคยทำอะไรถูกกฎหมายเลยแม้แต่อย่างเดียว ทั้งฆ่าคนวางเพลิง
ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ค้ายาเสพติดหรือแม้แต่ซ่องโสเภณีพวกมันก็ทำ
เป็นกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเลวสมบูรณ์แบบ
ที่สำคัญคือพวกมันเป็นเหมือนหมาลอบกัดที่พร้อมจะจ้องเล่นงานทุกคนที่มันหมายตาเอาไว้
นั่นยิ่งทำให้ทั้งคู่กังวลใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“ฉันคิดว่าพวกมันคงไม่ปล่อยเด็กๆ
เอาไว้นานแน่ ไม่นานคงจะต้องลงมืออีกแน่” คุณและคุณนายชเวอ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง
และใช่พวกเขาต้องรีบจัดการกับพวกมันก่อนที่พวกเด็กๆ จะโดนเล่นงานอีกครั้ง
“ผมว่าเราควรบอกยงกุกให้รู้ไว้สักหน่อยนะ
แล้วก็บอกคนของแก๊งค์ต่างๆ ที่เป็นฝ่ายเราเอาไว้ด้วยก็ดี เผื่อเอาไว้ก่อน
มีอะไรจะได้เรียกใช้ได้สะดวกมือ” สมกับเป็นคนที่ดูแลเรื่องนี้แทนเซริวมาโดยตลอด
ถึงซึงฮยอนจะเป็นคนใจดีและอ่อนโยนกับเมียและลูกก็จริง แต่เขาก็ถือได้ว่าไม่ต่างจากสัตว์ร้ายเช่นกัน
ความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใครของซึงฮยอนเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาทำหน้าที่แทนเซริวได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด
แม้แต่คนของสามตระกูลใหญ่ก็ยังเคารพในความสามารถนี้ของเขา
และที่สำคัญคือเขาเองก็กำลังเดือดดาลไม่แพ้เมียรักที่ได้รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนโดนรังแก
ไม่นานหลังจากการติดต่อประสานงานกับคนของแก๊งค์ต่างๆ
ทุกคนก็นัดแนะเจอกันเพื่อประชุม
ซึ่งแผนการไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการจัดการกับแก๊งค์ชินฮวาอย่างโจ่งแจ้ง
โดยแก๊งค์ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์ชินฮวาต้องยอมหลีกทาง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นศัตรูกับตระกูลโทะกุงาวะอย่างเป็นทางการ
และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการรวบรวมพรรคพวกให้มารวมตัวกันอย่างเร่งด่วน
ทั้งสามตระกูลได้ส่งคนมาสมทบทั้งทางเรือและเครื่องบินรวมแล้วไม่ต่ำกว่าห้าสิบคนที่ทะยอยกันมาเกาหลี
เรียกได้ว่างานนี้คงเป็นสงครามกลางเมืองขนาดย่อมเลยทีเดียว
และยังมีสามสหายที่ถูกเรียกรวมพลอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือคุณและคุณนายชเว
“ว่าไงเพื่อนรัก?”
ซึงฮยอนทักทายเพื่อนสนิทของเขาทั้งสามคน
“ยองเบ แดซอง
ซึงรี งานนี้คงต้องพึ่งพวกนายอีกแรงแล้วนะ” เซริวทักทายทุกคนไม่ต่างจากซึงฮยอน
นั่นเพราะพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น
ในตอนนี้บ้านที่เคยสงบสุขของซึงฮยอนและเซริวกำลังกลายเป็นแหล่งรวมพลของเพื่อนรักทั้งห้าผู้ที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากผู้พิทักษ์ของเด็กน้อย
“นายพอจะบอกฉันได้ไหมเซริวว่าเจโล่ไปอยู่กับยงกุกที่ไหนนะ?
ฉันอยากจะเจอเขาสักหน่อย อย่างน้อยก็อยากจะเห็นเด็กน้อยที่น่ารักของฉัน”
ยองเบที่ดูจะสุขุมกว่าใครกำลังเอ่ยปากถามหาเจโล่ที่เขาเอ็นดูไม่ต่างจากลูกชายของตัวเอง
“เอาที่อยู่ไป
แต่อย่าเพิ่งไปกดดันอะไรเขานะ” ซึงฮยอนเตือนยองเบออกมาก่อน
เขารู้จักยองเบดี ผู้ชายคนนี้ใจดีก็จริงแต่ก็ใจร้อนพอควร
“ส่วนพวกนายอยู่คุยกันก่อน
ไม่ต้องไปยุ่งกับเด็กๆ เลย พวกนายมันตัวก่อกวนชัดๆ!!” เซริวตะโกนดักคอแดซองและซึงรีเอาไว้ก่อน
เพราะสองคนนี้คือตัวป่วน
ยองเบที่ออกมาหาเจโล่ตามแผนที่ที่ได้รับมาจากซึงฮยอนก็ต้องพบกับอะไรน่าสนใจเข้าพอดิบพอดี
ที่หน้าบ้านของยงกุกดูเหมือนจะมีใครบางคนซ่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
คนพวกนั้นดูก็รู้ว่าอันตรายแต่สำหรับยองเบก็ไม่ได้ต่างไปจากลูกนกลูกกาที่เพิ่งจะหัดบิน
“เจโล่! อยู่ในนี้รึเปล่า??” ยองเบตะโกนถามมาจากหน้าบ้าน
ส่วนยงกุกที่ได้ยินเสียงคนก็รีบออกมาดูเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยสำหรับเจโล่
“คุณเป็นใคร?
มาที่นี่ทำไม??” ยงกุกไม่สนว่าคนตรงหน้าจะอายุมากกว่า
เขาไม่เคยเห็นหน้าคนๆ นี้
“น้ายองเบ?
น้ายองเบจริงๆ ด้วย!” ทันทีที่เจโล่มองดูจนแน่ใจ
ก็รีบพุ่งเข้าไปหาอีกคนกอดจะกอดไว้แน่น ทำเอายงกุกเคืองไม่น้อยที่เห็นแบบนั้น
“เจโล่ของน้าโตเป็นหนุ่มขนาดนี้เลยหรอเนี่ย??”
ว่าแล้วยองเบก็ต้องอายนิดๆ
กับความสู.ของตัวเองที่โดนคนเป็นหลานแซงหน้าไปไกล
“ก็น้ายองเบไม่ไปเยี่ยมพวกเราเลยนี่ครับ!!”
เจโล่พูดตอบด้วยท่าทางที่อ้อนเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ
ยิ่งทำให้ยงกุกโมโหเข้าไปใหญ่
“นายชื่อยงกุกสินะ?
ไม่ต้องทำหน้าหึงโหดขนาดนั้นก็ได้! เจโล่เป็นเหมือนลูกชายของฉันเลยนะ
เพราะงั้นไม่ต้องมาหวงเลย!!!” ยองเบพูดดุเล็กน้อย
เขาไม่ใช่คนใจดีอะไรที่ไหนหรอกนะ
ไม่ชอบที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเท่าไหร่แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่ายงกุกคงรักเจโล่มาก
“ขอโทษครับ!”
ยงกุกรู้ตัวว่าเผลอทำตัวไม่สุภาพจึงรีบขอโทษ
“เข้าบ้านหน่อยได้ไหม?
ฉันมีอะไรจะบอกสักหน่อยนะ!” ยองเบรีบพาเด็กๆ
เข้าบ้าน เพราะเขาสังเกตได้ถึงอันตรายที่แอบซุ่มอยู่
ทันทีที่เข้ามาในบ้าน
ยองเบก็รีบบอกให้ยงกุกได้รู้ว่าเขาสังเกตเห็นอะไร
และเมื่อยงกุกตรวจสอบดูก็พบว่าไม่ใช่คนของเขาเอง
เพราะงั้นมีทางเดียวที่เป็นไปได้ก็คือพวกศัตรู
“ฉันจะส่งข้อความบอกเซริวก่อนแล้วกัน
แล้วถ้ามีอะไรฉุกเฉินจริงๆ ให้รีบวิ่งหนี ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฉัน
เพราะมันคืองานที่ฉันถนัด!” แววตาของยองเบดูจริงจังฉายแววให้เห็นถึงความถนัดในงานของเขาเอง
ซึ่งยงกุกรู้สึกได้ว่าคงเป็นงานในด้านมืดไม่ต่างจากเขา ไม่สิ! มันน่าจะเป็นงานที่น่ากลัวกว่าเขาหลายเท่าเลย
“แล้วน้ายองเบจะสู้กับคนพวกนั้นหรอฮ่ะ?”
เจโล่กำลังจะประท้วงแต่ก็ถูกขัดออกมาก่อน
“หน้าที่ของน้าคือปกป้องเจโล่
และหน้าที่ของเจโล่คือต้องทำตามวิธีของน้าเท่านั้นไม่มีข้อต่อรอง” ยองเบพูดก่อนจะหันไปสบตากับยงกุกเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่ายงกุกเองก็ต้องยอมรับการตัดสินใจนี่เช่นกัน
“ผมแค่ต้องพาเจโล่ไปให้พ้นจากอันตรายใช่ไหมครับ?”
คนๆ นี้น่ากลัวเกินไป
แววตาของผู้ชายคนนี้คือแววตาของมือสังหารเพราะมันไร้ซึ่งความปราณี
“นั่นคือหน้าที่สำคัญของนาย”
ยองเบพูดย้ำอีกครั้ง
ไม่นานหลังจากการสื่อสารกับเซริว
ทั้งสามคนในบ้านก็เริ่มสังเกตเห็นว่าคนที่ดักรอซุ่มเหมือนจะมีจำนวนมากขึ้นจากเดิม
ในตอนนี้อาจจะมีมากถึงสิบคนก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการวิ่งของเจโล่ต่างหาก
เด็กคนนั้นวิ่งได้ไม่นานก็เหนื่อยแทบตายแล้ว
แต่อยู่ๆ
เสียงมือถือของยงกุกก็ดังขึ้นมา น่าแปลกที่มันเป็นเบอร์ของฮิมชาน
“มีไรว่ะฮิม?”
ยงกุกถามออกไปอย่างคุ้นเคยหากแต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงเพื่อนของเขา
“ก็ไม่มีอะไรมากมาย! ฉันแค่อยากจะบอกว่าเพื่อนของแกอยู่กับฉันที่โกดังสินค้าเก่าที่ท่าเรือ
ฉันคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าให้แกยอมมากับคนของฉันแต่โดยดี
ไม่อย่างนั้นเพื่อนแกถึงคราวตายแน่ ที่สำคัญให้มาคนเดียวเท่านั้น” ปลายสายพูดอย่างใจเย็นต่างจากยงกุกในตอนนี้
“แกเป็นใคร?
ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!” ยงกุกกำลังโกรธจัด
ฮิมชานโดนจับตัวไปเพราะเขาประมาทเกินไป
“ฉันคือคนที่แค้นแกยิ่งกว่าอะไรดี
แกที่ทำให้จุนจินของฉันไม่ต่างอะไรกับบ้า และฉันจะเอาคืนจากแกให้สาสมที่แกทำเอาไว้
เพราะงั้นรีบไสหัวมาแต่โดยดีก่อนที่ฉันจะจับเพื่อนแกถ่วงน้ำ!!” ปลายสายถูกตัดไปไม่ปล่อยให้ยงกุกได้ต่อรองอะไร
ทั้งยองเบและเจโล่ที่ได้ยินเรื่องที่เกิดกับฮิมชานก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือเร็วขนาดนี้
พวกมันต้องการให้ยงกุกไปกับคนของมัน ซึ่งไม่มีทางที่พวกมันจะยอมปล่อยเจโล่ไว้แน่ๆ
แต่ตอนนี้เจโล่กำลังขวัญเสียเขาไม่สามารถห้ามหรือรั้งยงกุกได้เพราะฮิมชานกำลังตกอยุ่ในอันตราย
แต่ถ้าปล่อยให้ยงกุกไปก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“พี่ยงกุกฮ่ะ! ผม...” เจโล่อยากจะรั้งยงกุกไว้แต่ทำไม่ได้
จึงทำได้เพียงร้องไห้อย่างจนปัญญา
“เจโล่! ใจเย็นก่อน ยงกุกเก่งพอจะเอาตัวรอดได้นะ เชื่อน้าสิ!!” ยองเบพยายามพูดปลอบเจโล่ให้ใจเย็นแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าวิธีของยงกุก
“เชื่อใจพี่สิครับเจโล่!!”
ยงกุกเพียงแค่พูดประโยคเดียวก็สามารถทำให้เจโล่ใจเย็นลงได้
ก่อนจะปาดหยาดน้ำตาออกจากสองแก้มใส
ตามด้วยริมฝีปากหนาที่มอบจุมพิตละมุนให้คนกำลังเสียขวัญได้ใจเย็นลงบ้าง
“พี่ยงกุกห้ามเจ็บตัวเด็ดขาดนะฮ่ะ!!!”
เจโล่ยังคงกอดยงกุกเอาไว้แน่นเพื่อซึมซับไออุ่นเอาไว้กับตัว
“เจโล่น้าจะดูแลเอง
นายไม่ต้องห่วง!! แล้วจะรีบตามไปให้ทัน!!!” ยองเบพูดเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับยงกุก
มันคือสิ่งที่เขาพบเจออยู่บ่อยๆ และในบางครั้งเขาเองคือผู้กระทำ
ไม่นานนักเจโล่ก็ยอมปล่อยมือจากยงกุก
ก่อนจะรวบรวมสติให้นิ่งพอจะยอมให้ยงกุกเดินออกจากบ้าน
แต่ทันทีที่ยงกุกเดินออกไปก็โดนฟาดเข้าที่หัวอย่างจัง
เลือดที่ไหลลงมาทำให้เจโล่ถึงกับช็อกไปเลย
พวกมันจับยงกุกโยนเข้าไปในรถที่พวกมันเตรียมมาด้วยก่อนจะพายงกุกไปที่ท่าเรือ
ทางด้านยองเบต้องรีบเรียกสติของเจโล่อย่างไวเพราะดูเหมือนเจโล่จะขาดสติไปนิดนึงแล้ว
“เจโล่!! ฟังน้านะ ใจเย็นๆ ก่อนเจโล่!!!” แววตาที่ใสซื่อของเจโล่หายไปแล้ว
แววตาของเด็กคนนั้นกลับมาอีกครั้ง
เด็กน้อยที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วถูกฝึกให้ชินกับการฆ่าอย่างเลือดเย็น
“พ่อค่ะอย่าทำกับจิโร่แบบนั้น
จิโร่ยังเด็กเกินไป!!!” เซริวผู้เป็นแม่ได้แต่ร้องขอเพื่อลูกชายของเธอที่ในตอนนี้โดนผู้เป็นตาพยายามยัดเยียดความน่าสะพรึงกลัวมาให้
“อย่านะจิโร่
ไม่ต้องทำตามที่ตาสั่ง อย่าทำนะลูก!!” เด็กอายุแค่เพียงสามขวบกำดาบสั้นไว้ในมืออย่างว่าง่าย
เขากำลังทำตามที่คนเป็นตาสอนให้
“จิโร่อย่านะลูก!!!”
ดาบสั้นถูกแทงทะลุคอหอยของคนที่ทรยศต่อตระกูลโทะกุงาวะ
ผู้สังหารไม่ใช่ใคร หากแต่เป็นเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ว่าที่รุ่นที่ห้าของตระกูล
เด็กน้อยที่ยิ้มได้แม้กระทั่งในยามที่เห็นคนดิ้นทุรนทุรายจนตาย
เด็กน้อยที่มีแววตาสุดหยั่งถึง ในนั้นว่างเปล่าเหมือนหลุมดำที่ไม่สามารถระบุได้ว่าสิ้นสุดที่ไหนดูดกลืนทุกสิ่งอย่างที่อยู่ต่อหน้าให้จมหาย
“ผมกำจัดคนทรยศแล้วฮ่ะคุณตา!”
เด็กน้อยส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นตาที่ในตอนนี้กำลังหัวเราะพอใจในผลงานของตน
หลานชายของเขาคือทายาทคนสำคัญ คนที่จะกุมอำนาจเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
“ฉันจะไม่ยอมให้พ่อทำให้จิโร่ของฉันกลายเป็นนักฆ่าหรอกนะ
ฉันไม่มีวันยอมในเรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!!!” เซริวได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายเพราะไม่อยากจะคิดว่าพ่อของเธอจะทำกับลูกชายสุดที่รักของเธอแบบนั้น
“ฉันจะไม่ให้พ่อได้เจอจิโร่อีก
ไม่มีวัน!!!” เธอตะโกนตัดพ้อก่อนจะหอบลูกชายสุดที่รักหนีมาอยู่เกาหลี
ซึ่งคนเป็นตาไม่ได้ห้ามอะไร ไม่แม้แต่จะส่งคนไปตามตัวกลับมาเสียด้วยซ้ำ
“เด็กที่ลงมือได้อย่างเลือดเย็นแล้วยังยิ้มหวานแบบนั้นได้
ถึงยังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนเขาได้หรอกนะเซริว
จิโร่คือนักฆ่าที่น่ากลัวที่สุดที่ฉันเคยเห็น” นั่นคือคำพูดของคนเป็นตา
หลังจากพาจิโร่หนีมาที่เกาหลี
สองผัวเมียก็ได้แต่พยายามทำให้ทุกอย่างรอบตัวของลูกชายกลายเป็นสีลูกกวาด
ทุกอย่างต้องดีที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด สดใสที่สุด
ทั้งคู่พยายามป้อนโลกสวยให้กับลูกชายของตัวเอง
ชื่อที่แต่เดิมคือจิโร่ก็ยังถูกเปลี่ยนให้เป็นเจโล่
นี่คือเรื่องที่เพื่อนรักทั้งห้าต่างรู้ดี
เด็กที่ชื่อจิโร่ไม่ควรถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“เซริว!! เจโล่เห็นยงกุกถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา
แล้วเลือดของยงกุกก็ไหลอาบหน้าไปหมด..” เซริวที่ได้ยินแบบนั้นเริ่มใจไม่ดีขึ้นมา
“ยองเบ
นายจะบอกอะไรกับฉันกันแน่?” เซริวรีบเอ่ยถามด้วยความกังวล
“จิโร่! เด็กคนนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว!!!” นั่นคือสิ่งที่ทุกคนพยายามลบออกไปจากชีวิตของเจโล่
เจโล่ในตอนนี้ไม่ต่างจากเดิม
มีเพียงแววตาที่ทำให้ทุกคนต้องหวาดหวั่นแม้แต่คนที่เป็นนักฆ่าอย่างยองเบ
“เจโล่! ฟังน้าให้ดีๆ พ่อกับแม่กำลังไปช่วยยงกุกอยู่ ทุกคนจะปลอดภัย!!” แต่เจโล่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง เขากำลังซึมซับอดีตที่ย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง
“พาผมไปที่นั่น! แล้วผมจะไม่ฆ่าทุกคนทิ้ง!!!” น้ำเสียงที่บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือจิโร่ไม่ใช่เจโล่ของทุกคนอีกต่อไป
น้ำเสียงสดใสแต่เย็นเยือก รอยยิ้มหวานแต่เฉือดเฉือน
“น้าจะพาไป! แต่เจโล่อยู่นิ่งๆ ก่อนนะ ห้ามลงมือกับใครทั้งนั้น!!” ยองเบต้องคอยย้ำว่าห้ามไม่ให้เจโล่ทำร้ายใคร
แต่ก็สายเกินไปเพราะพวกที่เหลืออยู่เริ่มบุกเข้ามาในบ้าน
คงหวังจะจับตัวทั้งคู่ไปด้วยเป็นแน่ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย
คนที่อยู่ในบ้านน่ากลัวเกินไป
เจโล่เดินไปหยิบมีดทำครัวอย่างใจเย็น
ก่อนจะเริ่มใช้มีดในมือลงมือกับคนที่พยายามบุกเข้าใส่อย่างใจเย็น
คมมีดถูกเฉือนเข้ายังจุดที่เรียกได้ว่าเป็นเส้นเลือดและเส้นเอ็น
ทุกคนที่ล้มกองอยู่ตรงหน้าในตอนนี้กำลังร้องโอดครวญและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ
“เจโล่! น้าบอกว่าห้ามทำร้ายใครไง” ยองเบกำลังกลัวสิ่งที่เขาได้เห็น
ถึงตัวเขาจะเป็นรักฆ่าแต่ก็ไม่เคยลงมือกับใครทั้งที่ยังยิ้มได้แบบนั้น
“ผมแค่ป้องกันตัว
อีกอย่างไม่ได้เล่นงานให้ถึงตายสักหน่อยนิฮ่ะ!” เจโล่หันมายิ้มให้ยองเบอย่างพอใจในผลงานของตน
“เจโล่!”
ยองเบพยายามจะเรียกสติของเจดล่ให้คืนมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
“ชื่อของผมคือ
จิโร่ ต่างหาก!!” ไม่จริง! เด็กน้อยคนนั้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น