uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 10 เพิ่งรู้ว่าโดนหลอก

            “แม่ครับ! ผมไปหาเพื่อนนะครับ!!” ยองแจตะโกนบอกแม่ของเขาก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากบ้านของตัวเอง
            “ว่าไงยองแจ หลับสบายไหม?” ฮิมชานรอยองแจมาได้สักพักแล้ว เขาอยากจะเจอใครสักคนในเวลาแบบนี้ หลังจากที่เขาต้องไปเจอภาพที่เขาเองก็ไม่อยากจะเห็นมันสักเท่าไหร่
            ฮิมชานมีลูกกุญแจสำรองของบ้านยงกุก เพราะเขาจำเป็นต้องมีมัน ยงกุกเป็นคนที่มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน และเป็นเขาที่ต้องคอยไปดูว่าเพื่อนตัวดีของเขาตายรึยัง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาต้องขโมยกุญแจสำรองของยงกุกไปใช้
            แต่เมื่อเช้านี้ที่เขาอยากจะไปทักทายเพื่อนของเขาที่อยู่กับเจโล่มาทั้งคืน ใช่เขาอิจฉาและอยากจะไปขัดจังหวะสักหน่อยก็ยังดี แต่ภาพที่เขาเห็นคือยงกุกที่ใส่ชุดนอนสีแดงสดใสกำลังกอดเจโล่ในชุดนอนสีฟ้าสุดน่ารักอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนที่เขาจะต้องดึงตัวเองออกจากบ้านหลังนั้นที่เขาเคยมาบ่อยๆ

            “พี่มาทำอะไรที่นี่แต่เช้า” ยองแจถามเพราะตกใจที่เห็นฮิมชานยืนอยู่ที่หน้าบ้านของเขา
            “อยากเจอหน้านะ” อย่างน้อยการได้เห็นเจ้าเด็กแก้มป่องนี่ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ใช่ฉันเองก็ชอบเจโล่นะ แต่ฉันไม่มีทางได้ใจของเด็กคนนั้นมา เพราะมีคนได้มันไปแล้ว
            “ไม่ต้องมาแหล! กำลังเบื่ออยู่รึไง?” ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผมรู้คือมีบางเรื่องที่ทำให้หน้าหล่อเศร้าหมองลงไปเยอะ
            “ก็วันนี้วันอาทิตย์นี่ ไม่ต้องเปิดร้านพี่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี งั้นไปหาไอ้แด้มันดีกว่า” พายองแจไปบ้านไอ้แด้ไปก่อน อย่างน้อยไปบ้านไอ้ยงกุกช้าอีกนิดนึงก็ยังดี
            “แต่ผมว่าจะไปบ้านพี่ยงกุกนี่” ถึงยังไงเจโล่ก็น่าห่วงกว่าจองอบอยู่ดี ก็พี่ยงกุกน่ากลัวกว่าไอ้พี่แดฮยอนเยอะอ่ะ
            “แต่บ้านพี่ยงกุกอยู่ใกล้บ้านผมมากกว่านะ ทำไมผมต้องอ้อมโลกไปบ้านพี่แดฮยอนตามที่พี่บอกด้วย!” ตามใจนายแล้วกันยองแจ ฉันจนปัญญาจะหาเหตุผลว่ะ
            และเพราะการตัดสินใจของยองแจที่ฮิมชานต้านไม่ไหว จึงเป็นผลให้จองอบและแดฮยอนมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน ก็อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ก็เลยซะเลยเที่ยงอ่านะ
            “เมื่อคืนเจโล่เมาด้วย ผมว่าเราไปหาอะไรให้เจโล่กินด้วยดีกว่า ไม่รู้จะไปทำพี่ยงกุกโมโหรึเปล่าดิ พี่แกยิ่งน่ากลัวอยู่” เอาเป็นว่ารีบไปดูดีกว่า ก็ผมเป็นห่วงเพื่อนของผมจริงๆ นี่นา
            ว่าแล้วผมก็โดนยองแจลากไปลากมาจากที่ตอนแรกคิดว่าจะเป็นฝ่ายลากยองแจซะเอง แต่ตอนนี้สภาพของผมไม่ต่างจากเด็กรับใช้ที่คอยตามถือของให้กับคุณชายก็ไม่ปาน ทั้งที่เป็นฝ่ายมาสารภาพรักกับผมแต่ยองแจกลับดุใส่ผมอย่างกับอะไรดี อันที่จริงผมก็เอ็นดูยองแจนะแค่ยังไม่ถึงขนาดที่ผมรู้สึกกับเจโล่ ผมถึงยอมให้กับคนตรงหน้าแบบนี้นี่ไงก็ผมทำผิดต่อยองแจอยู่ไม่ใช่รึไงกัน
            “กว่าจะมาถึงก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้วเนี่ย!” จะเดินช้าทำสำออยไปถึงไหนกันนะพี่ฮิมชาน ทำอย่างกับไม่อยากจะมาหาพี่ยงกุกงั้นแหล่ะ ไม่ใช่ว่าพี่ยงกุกจะทำอะไรเพื่อนผมหรอกใช่ไหม คิดได้แบบนั้นก็ยิ่งเป็นห่วงจนต้องรีบวิ่งโดยไม่สนใจคนหอบของเต็มสองมือที่เดินตามหลังมา
            “เจโล่! พี่ยงกุกครับ!!” ตื่นรึยังเนี่ย ทำไมประตูบ้านยังปิดอยู่เลย
           
            “อืมม.. ยองแจหรอ” ตากลมค่อยๆ ลืมตาที่ละน้อยก่อนจะเห็นหน้าอีกคนที่ยังคงหลับตาสนิท แต่ที่น่าแปลกคือที่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
            “พี่ยงกุก! ตื่นแล้วไหมฮ่ะ ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยนะ” ช่วยไม่ได้นิก็เจโล่ไม่ยอมตื่นเองนี่นา
            จริงๆ ยงกุกตื่นตั้งแต่ที่ฮิมชานมาที่บ้านของเขาแล้ว แต่เขาเองขี้เกียจสนใจเพราะยังอยากจะนอนกอดเจโล่ต่ออีกหน่อย เพราะยิ่งมองเจโล่ที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็ยิ่งไม่อยากให้คนน่ารักตื่นนอน
            “รู้ได้ไงว่าพี่ตื่นไม่ตื่นฮือ?” พูดจบก็มอบจูบให้คนยังงัวเงีย เจโล่ที่โดนจูบก็รีบดันคนบ้าที่จูบเขาตั้งแต่ตื่นนอน ทั้งขาทั้งแขนออกแรงไม่ยั้งด้วยความเขินแรงซะจนยงกุกตกเตียง
            ตุ๊บ!! ไอ้คนโดนยันตกเตียงก็ไม่ได้สำนึกแม้แต่นิด เพราะกำลังนั่งสบายใจเฉิบแถมยังยิ้มให้คนที่ถีบเขาซะกว้างจนเห็นเหงือกบานๆ ของเขาได้ชัดเจน
            “ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ” ว่าแล้วคนเขินก็ต้องรีบวิ่งไปเปิดประตูบ้าน เพราะกลัวว่าเพื่อนจะรอนาน ส่วนยงกุกที่กำลังเปี่ยมสุขก็เดินตามไปติดๆ โดยลืมไปเลยว่าตัวเองใส่ชุดอะไรอยู่
           
            “หวัดดียองแจ หวัดดีฮ่ะพี่ฮิมชาน มาอะไรแต่เช้ากันหรอฮ่ะ?” เด็กน้อยชั่งไม่รู้อะไรบางเลยว่าตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว แต่ใครจะไปพูดออกก็ภาพที่เห็นมันน่ารักเกินจะทน เล่นใส่ชุดกระต่ายสีฟ้ามาเต็มยศยิ้มหวานกระจายใส่ขนาดนี้
            “เอ่อ หวัดดีเจโล่! แต่ตอนนี้มันจะเที่ยงแล้วนะ” นี่เมาขนาดนั้นรึไงเพื่อนฉัน เพิ่งตื่นจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย? พี่ยงกุกไม่คิดจะปลุกเจโล่เลยรึไงว่ะ
สภาพของยงกุกที่เดินตามเจโล่มาเล่นเอายองแจพูดไม่ออก ก็พี่ชายที่เขากลัวนักกลัวหนามาพร้อมกับชุดกระต่ายสีแดงสดใส แถมยังเดินยิ้มกว้างไม่ยอมหุบทั้งที่ตายังปิด
“ว่าไงมีอะไรกันถึงมาได้ เมื่อวานไม่ได้กลับบ้านรึไงยองแจถึงได้มาพร้อมกับไอ้ฮิมได้เนี่ย?” เสียงทุ่มต่ำถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ก็ทำไมมันมาด้วยกันได้ว่ะ
“เปล่าครับ! พี่ฮิมชานไปรับผมที่บ้านแล้วก็ไปซื้ออะไรมานิดหน่อยกะจะเอามาให้เจโล่กินแก้เมาสักหน่อย” ยองแจที่ตอนนี้แก้มแทบแตกเพราะเถียงไปแก้มแดงไปแถมยังทำหน้าเหมือนจะพ่นลมใส่คนที่ทำให้เขาต้องอาย
“ฉันไปส่งน้องถึงบ้านนะเฮ้ย แล้วมึงเหอะ! ใส่ชุดอะไรว่ะเนี่ย?” คำถามของฮิมชานทำให้ยงกุกตื่นเต็มที่เพราะเขาลืมไปเลยว่าใส่ชุดน่ารักชวนปวดตับแบบนี้อยู่ ตอนแรกก็ว่าจะเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนแต่มือเจโล่ก็เร็วไม่แพ้กันเพราะดึงยงกุกเอาไว้ ก่อนจะพูดพร้อมยิ้มหวาน
“พี่ยงกุกจะไปไหนฮ่ะ ผมหิวแล้วนะ” เจโล่ไม่ได้หิวนะแค่ไม่อยากให้พี่ยงกุกเปลี่ยนชุด ก็ผมชอบที่พี่ยงกุกใส่ชุดนี้นี่หน่า
“ยังไม่ทันไรก็ใส่ชุดคู่รักหวานแววแล้วหรอเจโล่?” ตอนนี้ยองแจกำลังแหย่เพื่อนของเขาอยู่ ที่สำคัญคือยองแจไม่รู้สึกกลัวยงกุกแล้ว ถ้ามีเจโล่อยู่ด้วยนะ
“เออนะ ชั่งหัวชุดฉันเหอะ” อายก็อายแต่จะเปลี่ยนก็ไม่ได้
“เราโทรเรียกจองอบมาด้วยดีไหมเจโล่ จะได้กินข้าวพร้อมกันไงตอนเย็นจะได้ไปส่งเจโล่ที่บ้านด้วยกันด้วย” พอผมพูดจบเหมือนจะมีรังสีอำมหิตลอยมาปกคลุมรอบร่างกายของผม สายตาของพี่ยงกุกนี่เอง
“แหมๆ ผมกะจองอบไม่เคยไปเล่นที่บ้านของเจโล่เลยนะฮ่ะ ก็พี่เล่นไปส่งเจโล่ทุกวันแบบนั้นอ่ะ" ขอผมกวนตีนพี่ชายคนนี้นิดนึงเถอะ ยึดเพื่อนของผมเอาไว้นานเกินไปแล้วนะ
“ก็ไปด้วยกันหมดนี่แหล่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย พ่อกับแม่ของผมต้องดีใจแน่ๆ เลยฮ่ะพี่ยงกุก” ผมมีเพื่อนเยอะขนาดนี้พ่อกับแม่ต้องดีใจแน่ๆ เลย
“ตามใจเจโล่แล้วกัน” นั่นไง ยิ้มหวานชวนอ้วกแบบนั้นมันมาอีกแล้ว
“พี่ยงกุกคงยังไม่ได้กินเพื่อนผมหรอกใช่ไหม เห็นทำหน้าแบบนั้นตั้งแต่เช้าแล้วนะพี่?” ว่าแล้วก็เอียงตัวหลบสักนิดก่อนจะโดนอะไรขว้างใส่
“ฉันบังยงกุกนะโว๊ย!” แล้วพี่มันไม่มีความรู้สึกรึไงฮือ? เป็นพระประธานรึไงถึงไม่รู้ร้อรู้หนาวนะ
“พี่ยงกุกไม่ได้ทำอะไรฉันสักหน่อย! ไอ้เพื่อนผมมันยังไง เถียงผมซะเสียงดังแถมยังหน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่อีก
“สักนิดก็ไม่มีเลยหรอ แบบจูบอะไรเงี่ย?” นั่นไง! ก้มหน้างุดๆ แถมบิดซ้ายบิดขวาอีก สงสัยคงจะโดนจูบแน่ๆ ใช่เล่นนะพี่ยงกุก
“ฉันจะไปโทรเรียกจองอบบี้แล้ว” ตอนนี้เจโล่ที่อายเพราะโดนเพื่อนรู้ทันก็ต้องรีบหาอะไรทำแก้เขินไปก่อน
“จองอบบี้ นายอยู่ไหนหรอ? ตอนนี้พวกเราอยู่บ้านพี่ยงกุก ตอนบ่ายจะไปที่บ้านฉันกันนายรีบมานะ พาพี่แดฮยอนมาด้วยนะอย่าลืมล่ะ!” จองอบที่กำลังงงเพราะเจโล่เล่นโทรมาแล้วพูดอยู่คนเดียวแล้วก็วางสายไป ก่อนเห็นว่าอีกคนกำลังยิ้มหวานให้ตัวเองอยู่
“ตอนบ่ายจะไปบ้านเจโล่กันครับ ตอนนี้อยู่บ้านพี่ยงกุก พี่แดฮยอนไปกลับผมนะครับ”
“จ๊ะที่รักของผม” ผมคงหลงเด็กคนนี้เข้าให้แล้วสิ ทั้งที่ขี้อายแต่ก็เร้าร้อนเป็นบ้า แถมยังมีรอยยิ้มหวานๆ ที่ทำให้ผมแทบคลั่งนั่นอีก หลงเข้าเต็มๆ เลย ผมกำลังหลงรักเด็กคนนี้
“ผมไปอาบน้ำนะครับ” ผมรักพี่นะพี่แดฮยอน

“นี่เจ้าตัวเล็ก! มานั่งอะไรคนเดียวตรงนี้ ไม่ไปเล่นกับเพื่อนรึไง” ผมที่นั่งเล่นชิงช้าอยู่คนเดียว ถูกพี่ชายหน้าหล่อคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยอ่ะ ไม่เคยมีใครเดินมาคุยกับผมแบบนี้เลยนะ แล้วคนที่ผมเข้าไปคุยด้วยก็มีแต่คนที่ไม่ชอบผมอีกต่างหาก
“ผมไม่มีเพื่อนหรอกครับ!” สายตาของพี่ชายคนนั้นอบอุ่นจัง ตาก็โต จมูกก็โด่งมากเลย
“พี่ชายหล่อมากเลยฮ่ะ” ผมพูดออกไปเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นี่ฮ่ะ
“เราเองก็น่ารักเหมือนกันแหล่ะน่า” พูดจบพี่ชายคนนั้นก็ลูกหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนของเขา นั่นแหล่ะฮ่ะรักแรกของผม หลังจากนั้นผมก็จะคอยแอบมองพี่เขาอยู่บ่อยๆ จนได้รู้ว่าพี่เขาชื่อ จองแดฮยอน ผู้ชายที่ขโมยหัวใจของผมไป

ผมไม่อยากจะใจง่ายหรอกนะพี่แดฮยอน แต่ผมเป็นของพี่นะฮ่ะ

“กว่าจะมาได้นะจองอบบี้ ฉันรออยู่ตั้งนานแนะ” เจโล่บุ้ยปากใส่เพื่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองที่แดฮยอนแล้วกระพริบตาปริ่บๆ
“หรือว่าเพราะต้องรอพี่แดฮยอนรอฮ่ะ” ฉันเปล่าช้านะเจโล่ จองอบต่างหากที่ไม่ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดีนะ ตอนนี้ยืนไหวก็บุญเท่าไหร่แล้วฉันนะ
“เปล่าหรอกเจโล่ ฉันเข้าห้องน้ำนานไปหน่อยนะ” ก็จริงที่เข้าห้องน้ำนานอ่ะนะ ก็แม้แต่ในห้องน้ำแดฮยอนคนนี้ยังไม่ได้พักเลยครับพี่น้อง ใครก็ได้หาของบำรุงให้ผมที เจ้าเด็กตาตี่นี่ไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนกันก็ไม่รู้
“ว่าแต่วันนี้ไปบ้านเจโล่ใช่ป่าว?” ตาตี่ของมุนจองอบโตขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
“อืม.. โทรไปบอกแม่แล้ว แม่บอกจะเตรียมของอร่อยไว้เยอะๆ” พูดจบทั้งหกคนก็พากันย้ายสังขรไปที่บ้านสกุลชเวด้วยรถตู้โฟล์คของยงกุก
“นี่แกไปเอารถออกจากอู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะเนี่ย ไหนบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไงว่ะ” ไอ้คุณฮิมมึงก็ถามไม่คิดนะมึง
“จะพาเจโล่ไปเที่ยวก็ต้องใช้รถสิว่ะ แต่ยังไม่ได้เที่ยวไหนเลยเนี่ย” ว่าจบก็ยิ้มกว้างเหงือกบานอยู่คนเดียว เล่นเอาฮิมชานกับแดฮยอนหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ก็ไอ้นี่มัยยิ้มอีกแล้วพี่น้อง มันจะอารมณ์ดีเกินไปไหม เป็นเพื่อนกันมากี่ปีเห็นมันยิ้มไม่ถึงสิบครั้ง แต่วันนี้ฮิมชานเห็นมันยิ้มครั้งที่สามแล้ว

“ถึงแล้ว!” หลังจากยงกุกดับเครื่อง เจโล่ก็รีบวิ่งเข้าบ้านตัวเองทันที อย่าให้บรรยายเลยว่าจะน่ารักขาดไหน ก็ดันวิ่งแล้วก็เอาแขนสองข้างยื่นไปข้างหน้าด้วย ถ้านึกไม่ออกก็ท่าทางที่เด็กส่วนมากจะทำเวลาอยากให้พ่อแม่อุ้มนั้นแหล่ะ จะต่างก็แค่คนที่ทำดันเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหก
“เจโล่อ่า! เมื่อคืนเจโล่ไม่อยู่พ่อเหงามากเลยรู้ไหม??” อืมม ภาพที่ผมเห็นมันคงไม่แปลกหรอกใช่ไหม ก็คุณชเวดันวิ่งมากอดลูกชายที่ยังวิ่งไม่ถึงประตูบ้าน แถมทำหน้าเหมือนคิดถึงกันปานจะขาดใจ แถมคนที่เดินตามมาอย่างคุณนายชเวก็เพิ่งจะแย่งเจโล่ไปแล้วก็เอาแต่หอมแก้มของเจโล่ไม่ยอมหยุด จนผมที่ทำตัวไม่ถูกต้องกระแอ่มเบาๆ ใส่เพราะอายแทน ดันนิสัยเดียวกันทั้งบ้านเลย
“อ่ะแฮ่ม! ผมยูยองแจครับ” ว่าแล้วก็โค้งงามๆ สักหน่อย ส่วนคนที่เหลือก็กำลังแนะนำตัวแบบอายๆ ยกเว้นก็แค่พี่ยงกุกที่คงจะชินกับภาพแบบนี้ เพราะดูไม่สะทกสะท้านกับความหวานเลี่ยนของบ้านสกุลชเวอยู่คนเดียว
“ว่าไงเด็กๆ หน้าตาหล่อเหลากันทุกคนเลยนะเนี่ย เจโล่นี่เลือกคบเพื่อนได้ถูกใจแม่จริงเชียว” ว่าแล้วก็หยิกแก้มลูกชายเบาๆ อย่างรักใคร่  ก่อนจะมองไปที่ยงกุก
“น้องกวนรึเปล่ายงกุก คงไม่ได้ดื้อมากหรอกใช่ไหม” ผมควรจะบอกยังไงดีล่ะ
“ไม่ดื้อหรอกฮ่ะ พี่ยงกุกนะมีแต่ตามใจเจโล่มากกว่าครับ” แกล้งเลยดีไหม
“แหมๆ ชื่อยองแจใช่ไหมคนนี้ หน้าหวานเชียว” ว่าแล้วคุณนายก็ยิ้มหวานใส่เล่นเอาผมเขินเลย ก็เพิ่งจะโดนชมนี่นะ ว่าแต่หน้าหวานหรอฮ่ะผมควรจะหล่อไม่ใช่หรอ?
“แล้วคนนี้จองอบบี้ใช่ไหมลูก?” ผมชื่อจอบอบฮ่ะ ไม่มีบี้นะฮ่ะ
“แล้วที่เหลือนี่ใครบ้างเอ่ย? เพื่อนยงกุกรึเปล่าจ๊ะ”
“ผมแดฮยอนครับ ส่วนคนนี้ฮิมชานครับ” มั่วแต่อึ้งเลยลืมแนะนำตัวเลยไหมล่ะ
“ผมฮิมชานครับ เป็นเพื่อนของยงกุก แล้วก็เป็นเจ้าของร้านที่น้องๆ ไปหาอะไรกินกันหลังเลิกเรียนเกือบทุกวันนะครับก็เลยสนิทกันหมด” แล้วมึงจะอธิบายอะไรยาวขนาดนั้นไอ้เหยิน
“มากันเยอะขนาดนี้รบกวนแม่รึเปล่าครับ” แม่หรอ? มันเรียกแม่ของเจโล่ว่าแม่! นี่กูหูฟาดไปรึไงกัน แม่เขารับมึงเป็นลูกตอนไหนว่ะยงกุก
“แม่กำลังเตรียมของอร่อยอยู่เลย ไปเล่นบนห้องเจโล่รอก่อนแล้วกันนะลูก” แม่ของเจโล่ยิ้มหวานใส่ไอ้ยงกุกแถมเรียกว่าลูกด้วย เฮ้ย!!
“พ่อไปช่วยแม่ก่อนนะเด็กๆ ตามสบายนะ” ส่วนพ่อก็ยังยิ้มหวานใส่มันด้วย นี่ตรงลงว่าเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้วว่างั้น
“นี่มึงสนิทกับพ่อแม่ของเจโล่ขนาดนั้นเลยหรอว่ะยงกุก??” ก็ช่วยไม่ได้ที่เพื่อนของผมจะสงสัยขนาดนั้น คนที่ไม่ยอมสุงสิงกะใครแต่กลับสนิทกับครอบครัวของเจโล่ขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องง ก็ตั้งแต่วันที่เจอเจโล่อีกครั้งผมก็ได้รู้จักกับครอบครัวนี้ และทุกวันที่ผมมาส่งเจโล่กลับบ้านก็ลงเอยด้วยการทานข้าวเย็นด้วยแทบทุกครั้ง
“อืม กูกินข้าวเย็นที่บ้านนี้เกือบทุกวันจันทร์ถึงศุกร์อ่ะ” ไม่รู้ทำไมแต่ผมก็แอบเขินนิดกับสิ่งที่ผมพูดออกไป ก็เลยลงเอ่ยด้วยการเดินตามเจโล่ขึ้นบ้านไป
“โฮ้! ห้องของนายนี่สุดยอดเลยอ่ะเจโล่ ของเล่นเพียบ!!” จริงอย่างยองแจว่าครับ เพราะผมก็อึ้งไม่ต่างกัน ในห้องนี่กว้างมากๆ แถมมีทั้งตู้โชว์ที่เก็บโมเดลหุ่นยนต์ โมเดลรถเต็มไปหมด แล้วยังจะมีมุมโซฟาที่จัดเอาไว้น่ารักสุดๆ ตุ๊กตาน่ารักวางเรียงรายเข้ามุมอย่างลงตัว แถมห้องก็ยังถูกตกแต่งสีฟ้าสดใส ยิ่งพอมองไปที่เตียงของเจโล่ยิ่งบรรยายไม่ถูก เตียงใหญ่ที่ถูกตกแต่งหัวเตียงไม่ต่างจากอวกาศ มีดวงดาวต่างๆ ระบบสุริยะว่าง่ายๆ แต่ที่น่าตกใจคือเจโล่บอกว่าตอนกลางคืนมันจะทำหน้าที่คล้ายกับโคมไฟ เพราะดวงดาวมากมายจะส่องแสงระยิบระยับ มันจะบรรเจิดเกินไปแล้ว
“นี่พ่อกับแม่นายทำห้องแบบนี้ให้หรอเนี่ย? สุดยอดอ่ะ! ฉันอยากเห็นตอนกลางคืนจังคงสวยน่าดูอ่ะ ให้ฉันมาค้างที่บ้านนายนะเจโล่ นะๆๆๆ” จองอบต้องชอบห้องของผมมากแน่ๆ เลยฮ่ะ เขาตื่นเต้นมากเลย ส่วนยองแจน่าจะถูกใจโมเดลเป็นพิเศษนะ ส่วนพี่ฮิมชานกับพี่แดฮยอนกำลังตะลึงงันกันอยู่ มีแค่พี่ยงกุกที่กำลังยิ้มกว้างมองมาที่ผม
“เอาไว้วันไหนพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน พวกนายก็ขอมาค้างเป็นเพื่อนเจโล่สิ” พี่ยงกุกพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มฮ่ะ เหมือนพี่เขาจะรู้ในสิ่งที่ผมคิดนะ ต่างก็แค่ผมอยากอยู่กับพี่ยงกุกมากกว่า
“นี่เจโล่ มีเกมส์อะไรบ้างเนี่ย” พี่แดฮยอนกับพี่ฮิมชานกำลังตาโตเพราะเห็นแผ่นเกมส์ที่พ่อสะสมให้ผม จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เล่นมันหรอกนะ ก็เล่นคนเดียวมันไม่สนุกนี่นา
“อยากเล่นไหมฮ่ะ?” วันนี้ผมจะได้เล่นเกมส์กับเพื่อนๆ ของผมด้วยอ่ะ
“เล่นได้ใช่ไหม?” ตาของจองอบบี้กำลังโตครับ ผมตาไม่ฝาดใช่ไหมเนี่ย
“เอาดิ! เล่นเกมส์กัน” ว่าแล้วผมก็เปิดฉากที่ปิดไว้ออก มันคือทีวีจอใหญ่ที่ผมมักจะเอาฉากกั้นไว้ให้เป็นสัดส่วน และทุกคนก็ต้องทึ้งเข้าไปอีกเพราะผมมีทีวีจอใหญ่ในห้องของตัวเอง
“ทีวีส่วนตัว สุดยอดไปเลยนะเจโล่ พ่อแม่ของนายเนี่ยพี่นับถือเลยรู้ไหม?” พี่ฮิมชานพูดซะผมตัวลอยเลยฮ่ะ ทุกคนกำลังอยู่ในโลกที่พ่อกับแม่ลงทุนสร้างมาเพื่อผมโดยเฉพาะด้วยล่ะ
“เจโล่เล่นไปนะ เดี๋ยวพี่จะไปดูพ่อกับแม่สักหน่อยนะ เผื่อมีอะไรให้ช่วย” พี่ยงกุกยิ้มให้ผมแล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง ส่วนผมก็กำลังสนุกกับการแย่งชิงเล็กๆ ของพี่แดฮยอนกับยองแจเพื่อนของผมเองฮ่ะ

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” ยงกุกที่เดินเข้ามาในครัวก็ต้องเขินนิดๆ กับภาพที่แม่กำลังป้อนอาหารพ่ออยู่ สองผัวเมียนี่จะหวานเกินไปไหม
“อ้าว! แล้วยงกุกไม่เล่นกับน้องหรอลูก?” พ่อถามผมเพราะสงสัย
“ตอนนี้กำลังจะตีกันตายเพราะแย่งกันเล่นเกมส์นะครับ ผมเลยลงมาข้างล่างช่วยพ่อกับแม่ดีกว่า” ก็ใครมันจะไปอยากอยู่กับพวกนั้นกัน ถ้าอยู่กับเจโล่สองคนก็ว่าไปอย่าง
“เมื่อคืนน้องคงไม่ได้ป่วนเราหรอกใช่ไหมยงกุก?” ฉันต้องถามให้แน่ใจว่าลูกชายของฉันยังไม่ถูกชิงเอกราชไป ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่เขาเองก็เอ็นดูยงกุก เพราะงั้นจึงคิดเอาไว้แล้วว่าถ้ากับยงกุกเขาจะไม่ขัดถ้าลูกชายเขาต้องการ ผมเป็นคนสมัยไหมนะ แค่นี้เรื่องเบๆ แต่ฉันยังอยากให้ลูกฉันบริสุทธิ์ต่อไปอีกนิด
“ไม่หรอกครับ แค่บังคับให้ผมใส่ชุดนอนลายคุณกระต่ายนะครับ” ว่าแล้วผมก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หมดกับบังยงกุกผู้น่ากลัวของใครต่อใคร
“ค่อยโล่งอกหน่อย! พ่อก็กลัวว่าเจโล่จะแกล้งเรานะสิ” แกล้ง! ผมเนี่ยนะจะโดนเจโล่แกล้ง
“จริงๆ พ่อก็ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เจโล่ไม่น่าจะเมาได้นะ” ฮือ? ทำไมถึงจะไม่เมาล่ะ
“ตอนอยู่ญี่ปุ่นนะ ตาลุงข้างบ้านยังบอกว่าเจโล่นะคอทองแดงเลยรู้ไหม?” ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมคอทองแดงเนี่ย
“แหมๆ พ่อก็ไม่ได้ส่งเสริมอะไรหรอกนะ แค่พ่อหัดให้เจโล่ดื่มบ้างอะไรบ้าง ก็ลูกชายนี่นะ”
“สรุปคือ เจโล่ดื่มเหล้าเป็นหรอครับ?” ผมเริ่มจะงงแล้วนะ
“ดื่มเป็นที่ไหนกัน ดื่มเก่งเลยล่ะ” เอาแล้วไงครับ ถ้าอย่างนั้นเรื่องเมื่อคืนที่ผมทำ โล่ก็รู้เรื่องทั้งหมดเลยว่างั้น แสบนักนะเจโล่ นี่แกล้งพี่ใช่ไหมฮ่ะเรานะ
“ยงกุกจ๊ะ ไปเรียกทุกคนลงมาทานข้าวเย็นได้แล้วล่ะ” คุณนายชเวผู้ใจดียิ้มอย่างใจดีให้ผม ตอนนี้ผมรู้แล้ว แล้วผมควรจะลงโทษเจโล่ยังไงดีนะ

และค่ำคืนวันอาทิตย์ก็เต็มไปด้วยเสียหัวเราะของบรรดาเด็กหนุ่มผู้ร่าเริง นี่คงเป็นมื้ออาหารที่สนุกสนานที่สุดของบ้านสกุลชเวสินะ


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น