ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้ชายที่ผมไม่เคยรู้ว่าเขายังมีตัวตนบนโลกใบนี้
ผู้ชายที่ทำให้แม่มองหน้าของผมด้วยรอยยิ้มไม่ได้ ผู้ชายที่แม่เลือกจะทิ้งเขามา
อยู่ๆ เขาก็กลับมาในชีวิตของผมอีกครั้ง ผมควรจะยอมรับคนที่ผมเคยโหยหาใช่ไหม หรือว่าผมควรจะทำตามความคิดของผมในตอนนี้
ผมไม่จำเป็นต้องมีเขา และเขาเองก็ไม่เคยจำเป็นต้องมีผมเลยสักนิด
จองอบตื่นมาเห็นแดฮยอนที่เอามือกุมหน้าผากอยู่
ก็ต้องถามอย่างเป็นห่วง
“ยังคิดมากเรื่องลุงมินซูอยู่หรอครับพี่แดฮยอน?
จองอบถามโดยที่เอาตัวมาซบลงบนอกของแดฮยอน
ก่อนที่แดฮยอนจะมองหน้าจองอบและถามกลับ
“พี่ควรจะทำยังไงจองอบ? จู่ๆ
คนที่ไม่เคยรู้ว่าพี่มีอยู่ก็มาบอกว่าเขาคือพ่อของพี่ พี่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง??”
จองอบที่เห็นแดฮยอนทำหน้าเศร้าก็ต้องพูดปลอบโยนให้แดฮยอนสบายใจขึ้น
“ถ้าผมพูด พี่จะทำตามที่ผมบอกไหมฮ่ะ??” แดฮยอนรู้ดีว่าจองอบจะพูดอะไร แต่เขาก็อยากจะฟังมันอยู่ดี
ในตอนนี้คนที่มีเหตุผลคงเป็นจองอบไม่ใช่เขา
“ครับ! พี่จะทำตามที่จองอบอยากให้พี่ทำ”
แดฮยอนลูบผมจองอบเล่นเพื่อให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
“ผมคิดว่าลุงมินซูไม่ผิดฮ่ะ ก็อย่างที่ลุงบอก
ลุงไม่รู้ว่าแม่พี่แดฮยอนท้องจริงไหมครับ?”
“ก็จริง!” แดฮยอนฟังจองอบพูดอย่างใจเย็น
“แล้วก็อย่างที่พี่ยงกุกบอก! ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังนะฮ่ะ พี่ควรจะดีใจที่พี่ได้เจอกับพ่อนะฮ่ะ”
แดฮยอนเข้าใจที่จองอบพูด เพราะเขาก็รู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกัน
“แล้วที่สำคัญ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาลุงมินซูก็ใจดีกับพวกเรานี่ฮ่ะ ทั้งที่เป็นเจ้าพ่อมาเฟีย
แต่พออยู่กับพวกเราลุงมินซูก็ทำตัวสบายๆ ที่สำคัญผมชอบลุงมินซูนะฮ่ะ
เขาต้องรักพี่แดฮยอนมากแน่ๆ เลย ไม่งั้นคงไม่ทำหน้าเศร้าตอนออกไปเมื่อคืนหรอกฮ่ะ”
สิ่งที่จองอบพูดมาทั้งหมดทำให้เขารู้สึกแย่เล็กน้อยที่ทำตัวแบบนั้น
“จองอบว่าพี่ควรทำยังไงตอนนี้?” แดฮยอนอยากได้คำแนะนำจากกจองอบเพื่อย้ำว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ผิด
“ไม่เห็นจะยากเลยฮ่ะ
ถ้าลุงมินซูมาพี่แดฮยอนก็แค่ทักทายเหมือนที่เคยทำ
แล้วก็ยอมไปตรวจดีเอ็นเอแต่โดยดีเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
หลังจากได้ผลก็แล้วแต่ว่าพี่จะเรียกลุงมินซูต่อไปหรือจะเปลี่ยนมาเรียกพ่ออันนี้ผมก็บังคับพี่ไม่ได้หรอกฮ่ะ”
“ครับผม” แดฮยอนรับฟังจองอบแต่โดยดี
เพราะเขาไม่มีอะไรจะเถียงในเมื่อเขาเองก็เห็นด้วยกับจองอบไม่น้อยเลย
“ว่าแต่ พี่ขอต่อจากเมื่อคืนได้เปล่า?” แดฮยอนที่เริ่มติดนิสัยหื่นมาจากอีกคนก็เริ่มจับจองอบพลิกไปนอนก่อนจะขึ้นคร่อมเอาไว้
“ผมไม่ไหวจริงๆ นะฮ่ะ
เมื่อวานนี้เกือบทั้งวันเลยนะ พี่แดฮยอนยังจะไหวอีกหรอเนี่ย??”
“ก็แล้วใครพาพี่ฝึกโหดกันล่ะ
แถมตอนนี้พี่ว่าพี่เริ่มเสียนิสัยแล้วสิ” แดฮยอนมองจองอบด้วยสายตาหื่นเต็มที่ก่อนจะก้มตัวลงไปจูบจองอบอย่างเมามันส์
แต่แล้ว..
“เฮ้ย!! ไอ้พี่ดำแกตื่นรึยังเนี่ย?”
ยองแจคู่ปรับตลอดกาลของแดฮยอนกำลังตะโกนแหกปากอยู่หน้าประตูรั้ว
“มาได้จังหวะจริงๆ สิน่า ให้ตายเถอะ” แดฮยอนกำลังหัวเสียต่างจากจองอบที่ดูเหมือนจะเริงร่าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของยองแจ
ว่าแล้วจองอบก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปเปิดประตูบ้านให้ยองแจกับฮิมชานที่รออยู่
ก่อนจะโดนยิงคำถามแทงใจเข้าให้
“ฉันมาขัดจังหวะรักของนายรึเปล่าจองอบ
ทำไมหน้าถึงได้แดงแบบนั้นอ่ะ?” ยองแจถามกวนจองอบอย่างตั้งใจ
“เปล่าสักหน่อย จริงๆ
น่าจะเรียกว่ามาช่วยฉันมากกว่า!” สีหน้าของยองแจและฮิมชานฉายแววสับสนเพราะเขาทั้งสองคนรู้ดีว่าแดฮยอนหมดแรงกับจองอบไปเยอะมาก
แต่วันนี้มันดูเหมือนจะตรงข้ามจึงทำให้ทั้งสองคนงงอย่างช่วยไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าอีพี่ดำมันหื่นกว่านายนะจองอบ?”
ยองแจแค่ถามเล่นๆ แต่จองอบดันผงกหัวรับแบบอายๆ
ยิ่งทำให้ฮิมชานกับยองแจจ้องหน้ากันใหญ่
“หื่นนี่มันเป็นโรคติดต่อหรอว่ะ??” คำถามที่ฮิมชานพึมพำออกมาทำเอาจองอบยิ่งเขินอายไปกันใหญ่
แต่เหมือนโชคไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่เพราะอีคนที่ตอนนี้ดันหื่นกว่ากำลังเดินออกมาในสภาพที่ไม่สวมเสื้อ
จะว่ารีบก็คงไม่ใช่
“ไม่มีอะไรติดมือมาให้กินเลยรึไงว่ะเนี่ย?”
แดฮยอนประชดใส่คนที่มาขัดจังหวะ
“เจโล่กับพี่ยงกุกกำลังตามมา
เห็นเจโล่บอกว่าจะซื้อของกินมาด้วยฉันเลยไม่มีความจำเป็นต้องหอบมาให้นายกิน”
ดูมันเป็นน้องแท้ๆ แต่แทบจะไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลยด้วยซ้ำ
สงสัยว่าถ้าเรียกฉันพี่มันจะตายก่อนก็เลยไม่เคยเรียกอ่านะ
“เอ้อ ไอ้หมูไร้น้ำใจ” หมั่นไส้ขอแขวะแกหน่อยแล้วกัน
“อีดำตับเป็ด!!” เอาแล้วไงวอนแต่เช้าเลยวุ้ย
“นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเมียอีเหยิน
พ่อจะจับหมกท่อซะ” แดฮยอนขู่ใส่ยองแจมีรึที่ยองแจจะกลัว
“ถ้ากล้าก็ทำเลยตามสบาย
ฉันก็แค่จะแวะไปบอกพ่อแม่ของจองอบว่าพี่ได้เอกราชของจองอบไปแล้ว
ดูซิว่าจะได้เข้าบ้านจองอบอีกไหม??” ยองแจทำหน้าเยาะเย้ยใส่ด้วยความที่เขารู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ของจองอบไม่ว่าที่เขาจะคบกับแดฮยอนแต่ทั้งสองคนยังไม่อยากให้จองอบกับแดฮยอนเกินเลยไปไหนต่อไหน
“ไอ้ๆ ...” แดฮยอนที่โดนโจมตีก็ถึงกับพูดไม่ออก
“เฮ้ยจะฆ่ากันตายตั้งแต่เช้าเลยรึไงว่ะ?”
เสียงแหบต่ำลอยมาแต่ไกล
“ผมได้ของกินมาเพียบเลยฮ่ะ!” เจโล่ที่มือว่างเปล่าตะโกนอย่างร่าเริงใส่ทุกคนที่รออยู่พร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“ทำไมมาถึงช้าจังว่ะมึง?” ฮิมชานถามยงกุกเพราะสงสัยว่าทำไมมาถึงทีหลังทั้งที่น่าจะออกมาก่อนด้วยซ้ำ
“แวะไปหาหมอมาฮ่ะ ให้พี่ยงกุกไปตรวจร่างกายครับ”
เจโล่ยังคงยิ้มสดใสเช่นเดิมต่างจากยงกุกเล็กน้อยที่หน้าตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“เป็นอะไรไปว่ะยงกุก? ทำหน้ายังกะเห็นผีมางั้นแหล่ะ”
แดฮยอนถามติดขำใส่ แต่ยงกุกก็ไม่ขำด้วยสักนิด
“ฉันดันไปเจอใครบางคนมานะ” เจโล่ที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ ยงกุกก็งงไม่ต่างกับคนอื่น
“เจอใครฮ่ะ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ?” ยงกุกไม่อยากจะบอกว่าคนที่เขาเจอก็คือฮยองซิก แต่ก็ต้องจำใจตอบ
“ฮยองซิกนะ” เจโล่ที่ได้ยินชื่อของฮยองซิกก็ถึงกับหน้าถอดสี
เพราะเขากลัวว่ายงกุกจะคิดถึงเรื่องคราวก่อน
“พี่ยงกุกฮ่ะ” เจโล่จับมือของยงกุกและมองตาอย่างสงสัย
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก
แต่ฮยองซิกก็โดนเล่นงานเหมือนกัน ดีที่ไม่ได้อาการหนักเท่าครั้งก่อน” ถึงจะโกรธที่ฮยองซิกกอดเจโล่
แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดฮยองซิกขนาดที่จะให้อภัยไม่ได้
เพราะในตอนนี้ฮยองซิกถูกทำร้ายก็เพราะเขา
“พวกมันซ้อมฮยองซิกเพื่อจะถามหาฉัน
แต่ไอ้บ้านั่นไม่ยอมบอกก็เลยโดนอัดจนน่วม” ทุกคนมองหน้ายงกุกอย่างเข้าใจว่าทำไมเจ้าตัวถึงมีสีหน้าแบบนั้น
นั่นก็เพราะเขากำลังเป็นห่วงทุกคนอยู่ โดยเฉพาะในตอนนี้คนที่ยงกุกห่วงคือฮยองซิก
“พี่ยงกุกทำไมไม่บอกผมล่ะครับ?” ทั้งที่ก็อยู่โรงพยาบาลด้วยกัน แต่เจโล่ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย
“พี่เจอที่ห้องตรวจนะ
อีกอย่างมันก็ขอเอาไว้เองว่าไม่อยากเจอเจโล่ตอนนี้” ฮยองซิกบอกกับเขาว่าตอนนี้มีอีกคนที่เขาได้ทำร้ายและที่สำคัญเหมือนว่าเจ้าตัวก็เพิ่งจะรู้ว่าใจหายแค่ไหนที่คนๆ
หายไปจากชีวิตของเขา
“หรอฮ่ะ งั้นวันหลังค่อยไปเยี่ยมแล้วกันนะครับ!”
เจโล่บอกยงกุกด้วยท่าทีจริงจังไม่หยอกทำเอาคนมองยิ่งชอบใจใหญ่
“รู้แล้วครับ
ถ้าเจโล่อยากไปเยี่ยมพี่จะพาไปนะครับ!” ยงกุกตอบพร้อมกับมองตาเจโล่จนคนที่เหลือหมั่นไส้จนต้องกระแอมไอใส่เพื่อขัดคอ
“อะแฮ่มๆ
ช่วยแหกตาดูด้วยนะคร๊าบว่ามีอีกสี่คนนั่งอยู่ด้วยเน้อ!!” ฮิมชานประชดออกมาเพื่อแกล้งสองคนนั้นเล่น
ก่อนจะเจอลูกถีบมหาประลัยจนไปกองที่พื้นแทน
“เห็นโว๊ย แต่ไม่สนใครจะทำไม!!!” ยงกุกพูดใส่ฮิมชานที่กำลังใช้ฟันหน้ากวัดแกว่งกลางอากาศไปมา
“ว่าแต่ไอ้แด้ ลุงมินซูคงไม่ได้มาหานะวันนี้
เห็นบอกว่าอยากให้เวลาแกอีกหน่อย” ยงกุกพูดออกมาอย่าไม่ได้สนใจใยดีอะไรมากนัก
“งั้นแกพาฉันไปหาลุงมินซูที ฉันอยากคุยด้วยนะ”
ยงกุกอดขำไม่ได้เพราะแดฮยอนดูเหมือนจะพูดออกมาหลังจากโดนจองอบสะกิดแขน
“อืมม กินก่อนค่อยไป
เจโล่อุตส่าเลือกขนมให้ฉันด้วย เรื่องไรฉันต้องรีบกับแกจริงไหมครับเจโล่?” ยงกุกทำหน้านิ่งใส่แดฮยอนก่อนจะหันมายิ้มหวานใส่เจโล่
“งั้นก็กินขนมไปเลยครับ ไม่ต้องมามองหน้าผมสิ”
เจโล่ดุใส่ยงกุกเล็กน้อยเพราะเขาออกจะเขินที่โดนจ้องต่อหน้าคนอื่น
“รับทราบครับผม” ยงกุกยิ้มหวานใส่อีกรอบก่อนจะลงมือกินขนมของตัวเอง
ส่วนแดฮยอนกับจองอบก็จัดการกับอาหารที่เจโล่ซื้อมาให้
และฮิมชานกับจองอบก็กำลังป้อนขนมกันไปมาจนน่าอิจฉา
ยงกุกเลยหันไปหาเจโล่เพราะอยากโดนป้อนบ้าง
“ถ้าไม่กินเอง
วันนี้บ้านใครบ้านมันนะครับพี่ยงกุก” คำขู่ของเจโล่ใช่กับยงกุกได้เสมอ
กว่าทุกคนจะจัดการอาหารจนหมดก็ยังต้องรอแดฮยอนกับจองอบอาบน้ำแต่งตัวอีกพักใหญ่
กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว
“นี่พวกเราต้องนั่งรถไปไกลป่าวฮ่ะพี่ยงกุก?”
จองอบดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกกลัวสถานที่ที่พวกเขาจะไปเลยสักนิด
“ไม่นานหรอก ใกล้ถึงแล้วล่ะ” แต่พอยงกุกเลี้ยวรถเข้าถนนมา จองอบก็หุบรอยยิ้มเก็บทันที
ส่วนทุกคนก็ดูจะเกร็งๆ ยกเว้นแค่ยงกุกกับฮิมชานที่ดูเหมือนจะเคยมาที่นี่แล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอกที่นี่เป็นที่ของฉัน” หลังจากที่ยงกุกพูดได้ไม่นาน
คนที่อยู่ตามข้างทางก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าใครมา เพราะไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือคนมีอายุก็โค้งคำนับให้ยงกุกที่อยู่ในรถกันทั้งนั้น
เป็นสัญญาณบอกได้ดีว่ายงกุกมีอิทธิพนมากขนาดไหน
จากภาพที่เห็นและเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดไป ทำให้เจโล่จ้องมองยงกุกด้วยสายตาที่เศร้าสร้อยเล็กน้อย
คล้ายจะอยากให้ยงกุกปฏิเสธว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“ไม่ต้องห่วงนะ
ทุกคนที่นี่รู้ว่าถ้าใครที่มากับพี่พวกเขาห้ามแตะต้อง
ไม่อย่างนั้นจะต้องชดใช้ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย” คำพูดของยงกุกไม่ได้ช่วยให้เจโล่ยิ้มออกเลย
เจโล่รู้สึกเป็นห่วงที่ยงกุกใช้ชีวิตแบบนี้
“อย่ากังวลเลยน่าเจโล่
ไอ้ยงกุกมันก็แค่ขู่เท่านั้นแหล่ะ” ฮิมชานช่วยพูดอีกแรงเพื่อให้เจโล่สบายใจขึ้น
“ตกลงว่าพี่ยงกุกเป็นมาเฟียหรอฮ่ะ
งั้นพี่แดฮยอนก็ต้องมาเป็นมาเฟียด้วยสิฮ่ะแบบนี้” จองอบที่เริ่มกังวลเล็กน้อยกอดแขนแดฮยอนเอาไว้แน่นก่อนจะซบลงบนไหล่
“ถ้าไม่อยากก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแบบนี้หรอกนะจองอบ”
ยงกุกบอกให้จองอบสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
อีกอย่างที่เขามาทำก็ไม่ใช่ว่าอยากจะทำหรอก
ก็แค่ถ้ามาคุมเองเขาสามารถควบคุมให้ทุกคนทำอะไรในทางที่ดีกว่าเดิมได้ก็เท่านั้น
“แล้วพี่ยงกุกอยากทำหรอฮ่ะ?” เจโล่ก้มหน้าเล็กน้อย เขารู้สึกกลัวที่ยงกุกใช้ชีวิตแบบนี้
“พี่จะเลิกทันทีที่เจโล่แต่งงานกับพี่ตกลงไหม??”
ยงกุกยังคงไม่กังวลอะไร เขาจึงพูดออกมาได้อย่างสบายอารมณ์
“ผมว่าผมพอจะเข้าใจที่แม่พี่แดฮยอนเลือกจะทิ้งลุงมินซูมาแล้วล่ะฮ่ะ”
เจโล่นั่งซึมไปพร้อมๆ กับจมดิ่งเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง
“อะไรกัน พี่เพิ่งจะพูดเรื่องแต่งงานเลยนะเจโล่”
เพราะมัวแต่ขับรถจึงไม่ได้เห็นอาการของเจโล่ที่ดูจะแย่ลงทุกที
“เจโล่อ่า นายอย่าคิดมากเลยนะ
พี่ยงกุกไม่เคยทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย ยกเว้นกับพวกที่นิสัยไม่ดีนะ!” ยองแจที่เห็นว่าเพื่อนของเขาเริ่มจะซึมก็ต้องรีบปลอบให้ใจชื่นขึ้นมา
ไม่นานรถตู้โฟล์คของยงกุกก็วิ่งมาถึงอาคารขนาดใหญ่ ดูเหมือนสำนักงานและโกดังที่ตั้งอยู่ติดกัน
ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากแต่คนกลับไม่พลุกพล่านสักนิด
“ถึงแล้ว! ลงรถได้”
ยงกุกลงจากรถเป็นคนแรกก่อนจะรีบเดินไปหาเจโล่ที่ยังไม่ยอมเปิดประตูข้างคนขับออก
“เจโล่ครับ เดี๋ยวพี่จะจับมือเจโล่ไว้นะ!”
เจโล่กุมมือยงกุกเอาไว้แน่นแล้วก็เดินก้มหน้าตามยงกุกไป
เพราะอย่างน้อยอยู่ใกล้ยงกุกก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกว่าเป็นไหนๆ
“มากันได้ยังไงเนี่ยยงกุก อ้าว! แดฮยอนก็มาด้วยหรอ?” ลุงมินซูดูจะดีใจไม่น้อยเลยที่เห็นหน้าแดฮยอน
“แดฮยอนมีเรื่องอยากจะคุยกับลุงหน่อยนะ
ส่วนคนที่เหลือผมจะพาไปนั่งรอที่บาร์แล้วกันนะ” ยงกุกผลักแดฮยอนให้เดินตามลุงมินซูไป
ก่อนจะเดินพาทุกคนไปที่บาร์ ส่วนจองอบตอนนี้ก็เดินอยู่ข้างๆ เจโล่
เพราะเขาไม่ได้ตามแดฮยอนไปด้วย
“ว๊ายตาย! นึกว่าใครที่ไหน?
ที่แท้ก็สุดหล่อของเจ้นี่เองนะ” คนที่พี่สาวเจ้าของบาร์ร้องทักไม่ใช่ยงกุก
แต่เป็นฮิมชานก่อนจะดึงฮิมชานเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่รู้สึกอาย
“ลมอะไรหอบมาจ๊ะเนี่ย ว่าแต่หนุ่มๆ
พวกนี้เป็นใครกันเอ่ย แนะนำตัวหน่อยสิจ๊ะ” เจ้ยังคงยิ้มหน้าบานใส่ทุกคนอย่างร่าเริง
“นี่เจโล่แฟนผม! ส่วนนี่ก็จองอบแฟนว่าที่ลูกชายลุงมินซู!! ส่วนคนนี้ก็ยองแจเมียอีฮิมมันนะ!!!” ยงกุกลงท้ายประโยคสุดท้ายดังๆ
เพราะเห็นว่ายองแจกำลังโมโหที่ฮิมชานโดนหอมแก้มต่อหน้าต่อตา
ส่วนฮิมชานก็ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะโดนเชือดเลยอดใจไม่ช่วยไม่ได้
“แหมๆ ไม่มาซะนาน
กลับมาอีกทีดันมาหักอกเจ้ซะได้นะฮิมชานเนี่ย” เจ้พูดก่อนจะหันหน้าไปหายองแจ
“เจ้ชื่อจูรินะจ๊ะ
ยองแจเป็นแฟนของฮิมชานใช่ไหมดูสิทำหน้าเข้า
เจ้ทักทายทุกคนแบบนี้หมดนั่นแหล่ะยกเว้นแค่ยงกุก เพราะเจ้ยังไม่อยากโดนฆ่าตายก่อนอ่านะ
เพราะงั้นอย่าคิดมากนะจ๊ะ” ว่าแล้วเจ้จูริก็หอมแก้มยองแจอีกสองฟอดใหญ่
ก่อนจะเดินกลับเคาร์เตอร์บาร์
“เอาเบียร์ไหมยงกุก
หรือว่าจะออนเดอะร็อกดีล่ะวันนี้?” เจ้จูริถามยงกุกก่อนใครเพื่อน
เพราะยังไงเขาก็เป็นถึงเจ้าของบ่นของที่นี่
“เอาโคล่าดีกว่าวันนี้
ผมยังมีธุระที่ต้องทำอีกนะ ส่วนที่เหลือก็โคล่าเหมือนกันนั่นแหล่ะ” แต่ยองแจค้านขึ้นมาเบาๆ ซึ่งทุกคนก็ได้ยิน
“แต่ตอนนี้ผมอยากได้ออนเดอะร็อกสักแก้วอ่ะ”
ยองแจยังคงมองฮิมชานด้วยสายตาจ้องจับผิดอยู่
“ฮึ! น่าสนุกจังเลยเด็กพวกนี้”
ว่าแล้วเจ้ก็จัดเครื่องดื่มให้ตามที่ยงกุกสั่ง
“เหล้าค่อยกินตอนเย็นถ้าอยากจะกิน” ยงกุกตะโกนบอกยองแจ เพราะดูท่าคงกำลังโกรธฮิมชานน่าดู
“พี่กะเจ้ไม่มีอะไรกันจริงๆ นะยองแจอ่า”
ว่าแล้วฮิมชานก็ต้องงัดไม้ตายมาใช้ หนูแฮมเตอร์อ้อนขอขนมว่าง่าย
ทำตาโต จมูกฟุดฟิดแล้วก็ทำปากทู่ๆ
ทุกคนที่เห็นไม่มีใครไม่ยิ้มยกเว้นยองแจที่ยังคงบึ้งตึงก่อนจะพูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่า
“วันนี้นอนโซฟาเหมือนเดิมนะ” ก่อนจะหันไปซดเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์จนหมดแก้ว
อีกด้านหนึ่ง คนสองคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในอดีตอยู่
“ถ้าฉันรู้ว่าแดซองท้อง
ฉันคงไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนั้นหรอกนะแดฮยอน” จนถึงตอนนี้
ทุกเรื่องราวที่แดฮยอนได้ฟังลุงมินซูเล่ามา ก็ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ดี
สรุปว่าแม่เขานั่นแหล่ะที่ผิด ดันหอบเสื้อผ้าหนีมาไม่บอกอะไรพ่อของเขาสักคำ
แถมพ่อเขาโตก็ดันทำใจคิดถึงพ่อไม่ได้เพราะเขามีส่วนคล้ายพ่อตอนหนุ่มๆ
ก็เลยเลือกที่จะไม่กลับบ้านมาหาผม
“งั้นผมจะยอมตรวจดีเอ็นเอครับ
เพื่อให้แน่ใจว่าเราเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
ส่วนเรื่องของแม่ผมเองก็จนปัญญาเพราะแทบจะไม่โผล่หน้ามาเลย” คำพูดของแดฮยอนทำให้ลุงมินซูรู้สึกสงสารลูกชายตัวเองนิดๆ
ก็เมียรักดันนิสัยเสียไม่ยอมหายนี่สิ
“ว่าแต่ พ่อทำไมถึงยังรักแม่อยู่ล่ะครับ??”
เขาสงสัยเรื่องนี้มากพอๆ กับเรื่องที่อยู่ๆ
ก็มีพ่อโผล่มาจากไหนไม่รู้
“ก็นะ.. เธอเป็นคนน่ารักในแบบของเธอเอง แล้วที่สำคัญเธอก็รักฉันทั้งที่ฉันน่ากลัวสำหรับคนอื่น
สรุปง่ายๆ ก็ชอบของแปลกด้วยกันทั้งคู่นะ” ลุงมินซูยิ้มและหัวเราะออกมาทันทีที่นึกถึงอดีตแสนหวานบนฮาของตัวเอง
“งั้นผมเรียกคุณว่าพ่อได้ใช่ไหมครับ
ตั้งแต่ตอนนี้เลย” แดฮยอนรู้สึกดีที่ได้คุยกับพ่อของเขา
ถึงเขาเองจะยังไม่แน่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่
แต่ก็อยากจะเรียกคนตรงหน้าว่าพ่อดูสักครั้ง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไอ้ลูกชาย!!” คำพูดที่เขาเคยอยากได้ยินมาตลอดทำให้น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาอย่างไม่อาย
“ครับ.. พ่อ!!!”
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น