uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 11 ด้านมืด

            หลังจากมื้ออาหารที่แสนวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป เด็กหนุ่มต่างก็เตรียมตัวกลับบ้าน โดยมีขนมของคุณนายชเวถือไว้คนละถุง แน่นอนคุณนายแกมีเวลาว่างเหลือเฟือที่จะทำอะไรมากมายแบบนี้ โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ ของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอแล้ว เธอยิ่งพร้อมกว่าพร้อมซะอีก
            “กลับกันดีนะลูก” คุณและคุณนายกำลังบอกมืออย่างร่าเริง ก่อนที่รถของยงกุกจะเริ่มขับออกไป แต่ไม่ต้องแปลกใจที่เสียงล่ำลาเป็นของคุณนายไม่นายไม่ใช่ของเจโล่
           
            ห้านาที่ก่อนกลับ..
          “เจโล่พี่มีอะไรจะถามหน่อยนะ?” เจ้าตัวยุ่งของผมมันน่าไหมล่ะฮ่ะ เล่นแกล้งผมแรงๆ แบบนั้น ผมเกือบจะห้ามตัวเองไม่ไหวอยู่แล้ว
          “ฮ่ะ พี่ยงกุกอยากรู้อะไรฮ่ะ เจโล่จะบอกทู๊กอย่างเลย ^o^” ว่าแล้วก็ผงกหัวหงึกๆ ก่อนจะโดนยงกุกโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู
          “พ่อเพิ่งบอกพี่มาว่าเจโล่นะดื่มเหล้าเก่งมาก” พอพูดจบยงกุกก็ถอนหน้าออกก่อนจะยิ้มหวานใส่ เขาได้ลงโทษเจ้าตัวป่วนแล้ว เป็นไงล่ะเจ้าตัวยุ่งของผม พูดไม่ออกเลยล่ะสิ?
          คนโดนจับได้ไล่ทันกำลังเขินพอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ก็เขาไม่อยากให้ยงกุกรู้ว่าเขารู้ตัวนี่นา ก็จะไม่ให้อายได้ยังไง ก็ไม่ขัดขืนสักกะนิดเดียวนี่สิ พี่ยงกุกจะทำยังไงกับเขาต่อไปล่ะทีนี้
           
            “แกจะยิ้มอะไรนักหนาว่ะยงกุก ฉันเห็นแกยิ้มแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ แถมตอนนี้ปากแกก็ใกล้จะฉีกแล้วด้วยเนี่ย?”
            “มึงไม่ต้องรู้หรอกไอ้แด้ ว่าแต่มึงเถอะทำไมถึงดูไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงแบบนั้นกันว่ะ เมื่อคืนไปทำอะไรมาว่ะ ดูท่าคงจะเล่นหมดแรงข้าวต้มเลยนี่หว่า” คนที่หน้าแดงตอนนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียว เพราะจองอบเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก
            “จองอบ! นายเป็นอะไรรึเปล่า?” ยองแจผู้หวังดีเพราะเห็นจองอบกำลังทำหน้าตื่นๆ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่องที่ยงกุกพูดอย่างแน่นอน
            “พี่แดฮยอน!!” คนโดนเรียกชื่อถึงกับหันหน้าคอแทบหลุด
            “ว่าไง?” จะทำตาโตโชว์พิรุธเพื่อไรว่ะ
            “ได้เพื่อนผมแล้วพี่ห้ามทิ้ง ถ้าทิ้งผมจะเฉือนไอ้นั้นของพี่ทิ้งด้วย!!!” คำพูดที่หลุดออกมาเล่นเอาแดฮยอนกลืนน้ำลายดังเฮือก ก็เจ้าบ้ายองแจเนี่ยมันทะเลาะกับเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้ต่างคนจะไม่พูดอะไรออกไป แต่ทั้งคู่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ออกจะเกลียดขี้หน้ากันอยู่สักหน่อย ก็แดฮยอนดันไปเรียกยองแจว่าน้องสาว หลังจากนั้นยองแจก็ไม่เยชอบขี้หน้าแดฮยอนอีกเลย
            “ว่าแต่สองคนนี้เป็นอะไร? ทำไมถึงเกลียดขี้หน้ากันนักฮ่ะ?? แกเคยฟันยองแจแล้วทิ้งรึไงเชี่ยแด้???” นั่นไงปากมึงไอ้เหงือกบัง
            “เปล่านะจองอบ! พี่ไม่เคยนะ!!!” สองมือต้องสั่นไหวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องรีบปฏิเสธให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ตาตี่ๆ กำลังจ้องจะเชือดคอหอยเขาอยู่
            “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกฮ่ะพี่ยงกุก แค่ไอ้พี่ดำเนี่ย! มันเคยเรียกผมว่าน้องสาวตอนที่ป้ามาที่บ้านนะฮ่ะ ผมก็เลยไม่ชอบหน้าพี่ดำมาตั้งแต่นั้น” ยองแจตอบด้วยสายตาเบื่อหน่าย
            “ฮ่าๆๆๆ มึงเนี่ยนะไอ้แด้ พี่ดำของยองแจอ่ะ?” เสียงของอีเพื่อนฟันสวยของผมมันเล่นตอกย้ำผมอีกรอบ
            “ก็กูชอบเล่นกลางแจ้งนี่หว่า ผิวคมเข้มแบบลูกผู้ชายโว๊ย! ใครมันจะไปขาวโอโม่เหมือนเจโล่ว่ะ” เฮือก! ไม่น่าเลยผม ด่าไอ้ฮิมก็แล้ว ไม่น่าไปโยงถึงสุดที่รักของไอ้เหงือกมันเลย
            “โอโม่แล้วไง?” ดูหน้ามันสิครับพี่น้อง ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ป่านนี้ไอ้แด้คงโดนเชือดทิ้งแล้วแน่ๆ
            “แล้วทำไมนายไม่เคยบอกฉันเลยว่าเป็นญาติกับพี่แดฮยอนอ่ะ” จองอบกำลังข้องใจว่าทำไมเพื่อนของเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ฟังแม้แต่ครั้งเดียว
            “ฉันไม่อยากบอกใครว่าฉันมีญาติแบบจองแดฮยอน ฉัยอาย!!!” เสียงปิดท้ายนี่มันน่าฆ่าทิ้งไหมพี่น้อง กูญาติมึงนะไอ้แก้มป่อง
            “พี่เองก็อายที่ต้องเป็นพี่ชายของลูกโป่งเดินได้นะ ดูสิ แก้มรึลูกโป่งก็ไม่รู้”
            “มึงเงียบไปเลยไอ้แด้ อย่ามาว่าที่รักของกูนะโว๊ย!” หลังจากปกป้องยองแจเสร็จผมก็หันไปยิ้มหวานให้ ก่อนจะได้รับสายตาเย็นชากลับมาแทน
            “รักผมแล้วรึไง ถึงมาเรียกผมว่าที่รักนะ?” ผมรู้ว่าผมยังไม่ได้รัก แต่ผมก็มีใจให้ยองแจไม่น้อยนะ นั่นทำให้ผมเจ็บที่ได้ยินแบบนั้น
            “แล้วไม่อยากให้พี่รักรึไง??” ทำไมผมจะไม่อยากให้พี่รักผมล่ะ แต่ผมอยากให้พี่รักผมแค่คนเดียวก็เท่านั้นเอง
            “เฮ้ย! พวกมึงจะมาหวานใส่กันต่อหน้ากูอีกนานไหม? เดี๋ยวแม่งก็ไม่ไปส่งเลย!” น้ำเสียงขุ่นเคืองไม่น้อยลอยมาจากคนแอบเหาเล็กๆ เพราะเขาเองก็อยากอยู่กับเจโล่เหมือนกัน
            “ไม่ไปส่งก็ได้นะครับ แต่ผมจะฟ้องเจโล่!” คำพูดของจองอบได้ผมนัก เพราะยงกุกไม่ไล่พวกเราลงรถ แถมยังไปส่งให้ถึงบ้านเรียบร้อยทุกคนด้วย

            ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไกลจากบ้านของทุกคนพอสมควร เพราะมันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากใจกลางเมืองโซล มีย่านที่ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นศูนย์รวมด้านมืดของสังคม ทั้งบ่อน ซ่องโสเภณี พวกค้ายา และนานาจิตตัง นี่คือที่ๆ ยงกุกกำลังไป
            “หวัดดีครับลูกพี่ ไม่เข้ามานานเลยนะครับเนี่ย?” คนเป็นลูกน้องที่อายุไม่ได้น้องเลยสักนิดกำลังโค้งทำความเคารพยงกุกด้วยความตกใจ เพราะยงกุกไม่ได้เข้ามาที่นี่สักพักใหญ่ๆ แล้ว
            ยงกุกไม่ยุ่งกับพวกค้ายา ไม่ข้องแวะกับพวกที่เปิดซ่อง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาพอทำใจยอมรับได้ เขาเป็นเพียงเจ้าของบ่อนใหญ่ของที่นี่ เขาได้มันมาด้วยพละกำลังของตัวเอง ก็เขาเป็นคนที่หัวหน้าแก๊งค์มาเฟียไว้วางใจนะสิ ยงกุกไม่เคยโกงและไม่เคยหักหลังชายคนนั้น เพราะเขาไม่ใช่คนที่เลวร้ายถึงแม้จะเปิดบ่อนแต่ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างเรื่องค้ายา ส่วนเคยฆ่าใครมารึเปล่ายงกุกไม่อยากจะรับรู้ ตราบใดที่ตอนนี้เรื่องเหล่านั้นเป็นอดีตเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
            “ไม่มาหลายวันเลยนะยงกุก!” เสียงจากหัวหน้าแก๊งค์ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ตามปกติ
            “ก็มาแล้วไงครับ” ยงกุกตอบอย่างเรียบเฉยกลับไป ซึ่งคนเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ติดใจโกรธอะไร เพราะเขารู้นิสัยของยงกุกดี
            “หายไปไหนมาฮ่ะ? ฉันไม่เห็นแกมาหลายวันแล้ว??”
            “ผมแค่เบื่อๆ ก็เลยไม่เข้ามา คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ?” นายนี่นะ ฉันถามเพราะเป็นห่วง ไม่ได้จะคาดคั้นอะไรจากแกสักหน่อย
            “หัวหน้ามาที่นี่นานแล้วหรอครับ” สายตาที่เฉยชายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทำเอาคนตรงหน้าเสียใจเล็กน้อย เขาคือคนที่ครั้งหนึ่งยงกุกเคยเรียกว่าลุง แต่ตอนนี้เจ้าเด็กนั้นไม่เรียกเขาแบบนั้นอีกแล้ว
            “นี่แกจะไม่ยอมเรียกฉันว่าลุงจริงๆ ใช่ไหม? ลูกก็ไม่มีกับเขา หลานชายคนเดียวของฉันยังจะไม่ยอมเรียกว่าลุงอีก นี่ยงกุก! เรียกว่าลุงมินซูเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้รึไงฮือ?” ตาแก่ก็มีหัวใจเหมือนกันนะ ตั้งแต่ที่เสียน้องชายไป หลานชายคนเดียวของเขาก็เอาแต่ทำตัวเบื่อโลก
            “ครับ! ลุงมินซู!!” ตาแก่ที่กำลังคิดน้อยใจกับต้องตกใจเพราะโดนหลานชายของตัวเองเรียกว่าลุง นี่มันอารมณ์ดีมาจากไหนกัน เคยบังคับมันตั้งหลายครั้งมันก็ไม่ยอมเรียก
            “นี่แกเรียกฉันว่าลุงมินซูจริงหรอเนี่ย? เฮ้ย! เอาเหล้าออกมาเลี้ยงทุกคนหน่อยสิ วันนี้ฉันอารมณ์ดีแบบสุดๆ เลยเว้ย” จริงๆ เขารักยงกุกไม่ต่างจากลูกชายของตัวเอง แต่เด็กคนนี้ไม่เคยยอมเปิดใจให้เขาแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเขาเองอาจจะมาหาหลานชายคนนี้ช้าไปหน่อย เขาเองที่ผิดที่มางานศพน้องชายตัวเองไม่ทัน เด็กคนนี้จึงต้องเผชิญความเดียวดายเพียงลำพัง นั่นจึงทำให้เขาไม่คิดจะเรียกร้องเอาความรักจากยงกุก ทำได้เพียงให้ยงกุกอยู่ในสายตาของเขาก็พอ อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปทะเลาะวิวาทกับใครต่อใคร และนั่นก็เป็นความผิดพลาดเช่นกัน เพราะยงกุยังคงทะเลาะวิวาทจนกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของที่นี่ เป็นรองก็แค่ตัวเขาเอง
            “ผมแค่แวะเข้ามาดูสักหน่อย ถ้ามีปัญหาอะไรลุงก็ให้คนโทรไปบอกผมแล้วกันนะครับ ผมคงไม่ค่อยว่างมาเท่าไหร่นะ” นี่มันยังเรียกฉันว่าลุงจริงๆ ใช่ไหม
            “อืม ตามใจแกเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรลุงจะให้คนโทรไปเรียก” ยงกุกที่กำลังอารมณ์ดี ก็โค้งคำนับให้ลุงมินซูของเขา ก่อนจะเล็กบางๆ ที่มุมปาก ทุกคนที่เห็นต่างก็พากันงง เพราะมันไม่ใช่รอยยิ้มน่าสะพรึงกลัวเหมือนที่เคยเห็นกัน แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่กำลังอารมณ์ดี
            “มีอะไรทำให้หลานชายฉันมีความสุขได้ขนาดนี้กันนะ” คนเป็นลุงถึงกับระบิดหัวเราะกับภาพที่เห็น
            “ปีศาจที่ยิ้มได้แบบนั้นมันน่ากลัวนะ!” ฉันกลัวแทนคนที่พรากรอยยิ้มของนายจริงๆ ยงกุก เพราะมันอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนพวกนั้นได้เห็น

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น