แผนที่ที่ฮิมชานเอาให้ไม่ได้ช่วยคนที่กำลังก้มหน้าทำความเข้าใจสักเท่าไหร่
ไม่ใช่ว่าแผนที่มันดูไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่เป็นเพราะคนที่ดูกำลังร้อนรนเรื่องที่อีกคนไม่สบาย
ไหนจะของที่หิ้วพะรุงพะรังนั่นอีก มีทั้งนม ข้าวต้ม ผลไม้
แล้วก็อะไรอีกไม่รู้ต่างๆ นานา สงสัยว่าจะวางแผนมาอยู่อีกนาน
หลังจากเดินเข้าในซอยก็เจอสักที บ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ลึกสุดของซอย
บ้านชั้นเดียวที่น่าจะมีไม่เกินสองห้องนอน หลังคามุงด้วยกระเบื้องแผ่นแบบโบราณนิดๆ
แต่เจ้าคนที่อุตส่าหาบ้านหลังนี้แทบตาย
ดันไม่เดินเข้าไปหรือแม้แต่เอ่ยเรียกคนข้างใน รึต่อให้เรียกไปก็เท่านั้นแหล่ะก็คนที่น่าจะนอนป่วยอยู่ในบ้านนะ
กำลังยืนดูคนตาตี่ที่ลุกลี้ลุกลนพิกลสงสัยว่าจะเถียงกับตัวเองอยู่
“พี่เขาจะยอมให้ฉันเข้าไปรึเปล่านะ?
แล้วตอนเจอหน้าพี่เขาจะโกรธฉันรึเปล่าที่มากวน??
หรือว่าอาจจะโดนเกลียดขี้หน้าไปแล้วก็ได้??? อ่า!!!” เจ้าของตาตี่ๆ
ที่ตอนนี้กำลังเกาหัวตัวเองอย่างแรงเพราะสับสนกับความคิดที่ตี่กันจนยุ่งเหยิง
“ทะเลาะกับตัวเองอยู่รึไงจองอบ!” เสียงที่เอ่ยออกมานั่นไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำทักทายมากกว่า
ส่วนคนที่ได้ยินเสียงของคนที่เขาคิดว่าน่าจะอยู่ในบ้านลอยมาจากด้านหลังก็ถึงกับตกใจ
“พ.. พ... พี่ พี่”
จะอึ้งอีกนานไหมจองอบ ทำหน้าแบบนั้นมากๆ มันไม่ดีต่อสุขภาพของฉันนะ
“อืมม มาทำอะไรแถวนี้หรอ?”
ตาโตไม่ได้มองคนตาตี่แล้วในตอนนี้
เพราะเขารู้สึกเขินแปลกๆที่จะมองเด็กคนนี้มากเกินไป มันทำให้เลือดลมสูบฉีดเกินเหตุ
และนั่นยิ่งทำให้ผิวเข้มเริ่มขึ้นสี จนตอนนี้กลายเป็นดำอมชมพูไปแล้วเรียบร้อย
แต่คนตาตี่กลับตกใจเพราะคิดว่าตาโตมีไข้สูงจนทำให้หน้าแดงขนาดนี้
จึงรีบทำในสิ่งที่แดฮยอนกลัว ก็ไม่ใช่กลัวคนตาตี่อะไรหรอก
ก็แค่ใจของเขาเองนั่นแหล่ะที่มันน่ากลัวในตอนนี้
“พี่แดฮยอนเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ
สงสัยจะไข้ขึ้นอีกแน่ๆ เลย เข้าบ้านเถอะนะครับ ผมจะได้เช็ดตัวให้นะครับ”
เช็ดตัวให้เขานี่นะ นายจะบ้ารึไงจองอบ ไม่รู้รึไงถ้าทำแบบนั้นมันจะอันตรายกับนายนะ
ไม่พูดเฉยเพราะแขนขาวของจอบอบได้ดึงลากแขนของแดฮยอนเข้าไปในบ้านของเขาเอง
ทั้งที่ไม่เคยมาเลยสักครั้ง ทั้งที่ไม่ได้เชิญเข้าบ้านด้วยซ้ำไป
แต่จอบอบก็จัดการกับข้าวของภายในบ้านของเขาได้เป็นอย่างดี
ลิ้นชักตูเสื้อผ้าได้ถูกรื้อค้นเพื่อหาเอาผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ออกมา
ก็อันนั้นผมเอาไว้ใช้ซับเหงื่อเวลาไปออกกำลังกายนี่นา
แล้วเจ้าตัววุ่นก็วิ่งออกไปผสมน้ำใส่กระมังซึ่งผมมักจะเอาไว้ซักกางเกง(ใน)
ถือออกมาอย่างเร่งรีบ ทำเอาผมต้องรีบถามเพื่อความแน่ใจ
“นายล้างมันอย่างดีแล้วใช้ไหมก่อนจะเอาน้ำใส่มานะ?”
หน้าที่ดูกังวลของผม
ทำให้จองอบเข้าใจได้ไม่อยากว่าผมอยากให้เขาล้างกระมังนั่นจริงๆ
แต่ดูเหมือนผมคงไม่ต้องห่วงอะไรใช่ไหม เพราะเจ้าตัวเขายิ้มหวานให้ซะขนาดนั้น
“ก็ต้องล้างสิฮ่ะ
ผมต้องเอามันมาใส่น้ำเพื่อเช็ดตัวให้พี่นะ” พูดจบก็ยิ้ม
แต่ครั้งนี้แฝงเอาไว้ด้วยความเขินอายของเจ้าตัวที่คงจะเพิ่งนึกออกว่าเขากำลังจะทำอะไรให้อีกคน
“ทำไมถึงไม่สบายล่ะครับ?
เพราะผมรึเปล่า??” เสียงที่ใส่อารมณ์น้อยใจมาแบบเต็มๆ
ก็ถูกส่งมาให้คนที่ตอนนี้จะตายเพราะไข้ใจ ก็อยู่ดีๆ
เจ้าเด็กขี้อายนี่ก็มาสารภาพเอาดื้อๆ
หลังจากปิดร้านก็เกือบจะห้าทุ่มไปแล้ว
ไอ้ฮิมมันก็ไม่คิดจะอยู่ช่วยกันสักนิดถึงมันจะเป็นเจ้าของร้านแต่ผมก็เพื่อนมันนะ
อุตส่ามาช่วยดูแลร้านแต่ดันทิ้งให้เขาปิดร้านแล้วตัวเองก็ออกไปสะดิ้งกับเจ้าเด็กแก้มป่องนั่น
จริงๆ ก็ไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้นหรอกนะ แค่ไม่ชอบที่มันเนียนใส่เพื่อนผมจริงๆ
ทำเป็นตีสนิทแต่จริงๆ คิดไม่ซื่อกับเพื่อนผม
แถมเป็นเพราะมันที่ผมต้องถูกทิ้งให้ปิดร้านคนเดียวบ่อยๆ ด้วย เหนื่อยนะว่าง่ายๆ
“พี่แดฮยอน!” เสียงลอยมาจากเสาไฟที่ไม่ไกลจากร้านนัก
ส่วนคนที่รออยู่ก็ยืนอยู่นานจนเมื่อย
เพราะกำลังลุ้นว่าเมื่อไหร่แดฮยอนจะออกมาจากร้าน
แต่ก็นานจนเกินเหตุเล่นเอาคนที่ทั้งอายทั้งกลัวในสิ่งที่เจ้าตัวกำลังจะทำ
“อ้าว! จองอบบี้นี่เอง มายืนอะไรตรงนี้คนเดียวเนี่ย ดึกมากแล้วนะยังไม่กลับบ้านอีกหรอเรานะ?”
อาจเพราะเป็นห่วงจริงๆ สายตาที่มองจองอบยิ่งทำให้คนที่ยืนรอใจลอยไปไกลเลย
ทางด้านแดฮยอนที่เห็นว่าน้องนิ่งเงียบแบบเอ่อรับประทานก็เลยจะทำให้น้องตกใจเล่นๆ
เลยยื่นหน้าไปจ้องใกล้ๆ ตาตี่เล็กถึงกับโตขึ้นมาในบัดดล แล้วก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าคมเข้มของอีกคนที่กำลังยิ้มเพราะการแกล้งของเขาได้ผลชะงักนักแล
แต่เขาก็ทำผิดมหันต์เพราะคนตรงหน้ากำลังต้องมนต์ของรอยยิ้มที่พราวเสน่ห์ของเขาเอง
จนทำให้คนมองถึงกับหลับตาพริ่มแล้วยืนหน้าเข้ามาใกล้เขาแล้วบรรจงประทับรอยจูบลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเขา
แม้จะไม่ใช่จูบที่หวาบวามสะท้านโลกันต์
เป็นเพียงจูบจากเด็กน้อยที่ใสซื่อคนหนึ่งเท่านั้น
แต่นั้นก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะเพราะกำลังเตลิดไปกับรสจูบที่หอมหวานนี้
“ผมชอบพี่แดฮยอนนะครับ!!” พูดออกไปแล้ว ฉันพูดแล้ว
แต่ที่สองคนคงไม่ได้รู้เอาซะเลยว่ากำลังโดนฮิมชานมองดูอยู่
แล้วฮิมชานมาจากไหนนะหรอ ก็บังเอิญว่าไปส่งคนแก้มป่องๆ กลับบ้านเสร็จแล้ว
ด้วยความสำนึกผิดต่อเพื่อนจึงวกกลับมากะว่าจะช่วยปิดร้านสักหน่อย
แต่ดันเป็นโชคร้ายของแดฮยอนที่เพื่อนของเขาได้เห็นเข้าให้
“คิดไว้แล้วเชียวว่าทำไมถึงเขินนักเวลาไอ้แด้มันเข้าไปใกล้
อ่ะฮ่าๆๆ มีเรื่องดีๆ ไปเล่าให้ยองแจฟังซะแล้วสิฉัน” ใบหน้าหล่อๆ
เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันหลังกลับไปเพราะไหนๆ ร้านก็ปิดแล้วนิ
ฉันจะเข้าไปขัดจังหวะทำไมกัน
“พี่เกลียดที่ผมทำขนาดนี้เลยหรอฮ่ะ?”
แล้วหน้าที่เคยก้มหงุดๆ ก็เริ่มทำเหมือนที่เคยทำเป็น
แต่จะต่างจากเดิมก็ตรงที่มีหยดน้ำใสที่หยดลงบนมือทั้งสองข้างที่กำไว้ที่หน้าตักทั้งสองข้างจนแน่น
คนที่เห็นไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวยังไง
ไม่รู้ว่าเขาควรจะปลอบโยนคนร้องไห้ด้วยวิธีไหน
เขาไม่ได้เกลียดที่เด็กคนนี้ทำสักหน่อย เขาแค่หยุดเพราะวันนี้เขาต้องไปเคารพศพของยายต่างหาย
ก็มันวันครบรอบวันตายของยายฉันก็ต้องไปเป็นธรรมดา
แล้วที่ไม่ปฏิเสธเรื่องที่จองอบเข้าใจว่าเขาป่วยก็มันช่วยไม่ได้ก็มาแล้วนิเลยตามเลยแล้วกัน
แต่ว่านี่ไม่ใช่แล้ว ดันมาร้องไห้เพราะคิดว่าโดนเขาเกลียด
ฉันไม่ได้เกลียดที่นายจูบฉันนะคงต้องทำให้รู้ใช่ไหมว่าไม่ได้เกลียดนะ
“ผมขอโทษครับ! ผมไม่ควรทำอย่างนั้น ผมขอโทษ!!”
แล้วก็ร้องไห้สะอื้นหนักกว่าเดิมเพราะคิดว่าโดนเกลียดเข้าเต็มๆ
ก็อีกคนดันเงียบเป็นเป่าสาก คนเสียใจยิ่งอาการแย่ลงไปอีก
“ฉันไม่ได้เกลียดนะจองอบ!” คนที่กำลังก้มหน้าร้องไห้เผยอหน้าขึ้นเล็กน้อยเพราะอยากจะมองอีกคน
แต่แขนของคนที่น่าจะป่วยกลับดึงเขาเข้าไปไว้ใกล้ตัว ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“แล้วพี่ก็ไม่ได้ป่วยด้วย!!” จองอบที่กำลังสับสนไม่มีเวลาให้ได้คิดอะไรมากนัก
เพราะแดฮยอนได้ประกบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากบางสวยของจองอบ
แต่มันไม่เหมือนตอนที่เขาทำ มันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้เขาเลื่อนมือไปวางลงที่ไหล่ของแดฮยอนและบีบเบาๆ
ด้านแดฮยอนที่เห็นจองอบสนองตอบต่อจูบของเขาแบบนั้นก็ใช้แขนโอบรอบตัวของจองอบ
ส่วนมืออีกข้างก็วางไว้ที่แก้มของจองอบ
ลมหายใจที่ผ่าวร้อนและจูบที่น่าเสน่หานั้นทำให้จองอบโน้มตัวเข้ากอดแดฮยอนแน่นขึ้นอีก
เพราะตอนนี้เจ้าตัวไม่อยากให้แดฮยอนปล่อยมือออกจากตนนั่นเอง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแดฮยอนคิดเช่นกันกับเขาเช่นนั้นเขาจะตักตวงเอาความสุขนี้ไว้ให้มากที่สุด
“แม่ฮ่ะ พ่อฮ่ะ
พรุ่งนี้ผมขอไปเที่ยวกับพี่ยงกุกนะฮ่ะ นะคร๊าบ!” เสียงใสที่ถูกเอ่ยจากคนตากลมแป๋ว เล่นเอาพ่อกับแม่ขัดไม่ได้
อีกอย่างยงกุกก็มาเล่นที่บ้านนี้บ่อยมากที่จริงน่าเรียกว่าแทบทุกวันมากกว่า
แล้วเจโล่เองก็ติดยงกุกอย่างกับอะไรดี คงเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวเลยดีใจที่มีพี่ชายนั่นแหล่ะ
คนเป็นพ่อเป็นแม่เลยรู้สึกขอบคุณยงกุกอยู่ไม่น้อยเพราะถ้าไม่ได้ยงกุก
เจโล่เองจะต้องเหงาอยู่คนเดียวที่บ้านบ่อยๆ เลยล่ะ
“อย่ากวนพี่เขาให้มากนักล่ะเรานะ
แล้วก็อย่าเอาแต่ใจด้วยนะเจโล่ พ่อนะสงสารยงกุกขึ้นมาเลยเวลาที่เราดื้อเนี่ย”
พอคนเป็นพ่อพูดจบ เจ้าเด็กน้อยเจ้าปัญหาของพ่อก็เริ่มแพลงฤทธิ์
เพราะเริ่มทำหน้ามุ่ยใส่แล้วก็ตามด้วยเบะปากใส่จากนั้นก็กระพริ่บตาปริบๆ
นั่นแหล่ะลูกชายของเขาเลย เวลาที่โกรธจะทำหน้าที่ใครก็ต้องตามง้อทั้งนั้นแหล่ะน่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เพราะเขากำลังคิดว่ายงกุกเองก็คงจะโดนหมัดน็อคของเจโล่แบบที่เขากำลังโดนนี่แหล่ะ
“จ้าๆๆ แม่ยอมให้ไปก็ได้
ว่าแต่จะไปไหนฮ่ะเรา”
“ยังไม่ได้คิดเลยฮ่ะ
เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้นี่ฮ่ะไม่เห็นต้องรีบเลย”
ว่าเสร็จก็ยิ้มหวานใส่พ่อกับแม่ก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนของเจ้าตัวไป
“ฝากดูแลน้องด้วยนะยงกุก
แล้วก็อย่าตามใจกันให้มันมากนักล่ะ จะเสียคนอยู่แล้วนะเด็กคนนี้นะ”
คนเป็นพ่อพูดออกมาพร้อมกับถอดถอนใจ
ก็ลูกชายสุดที่รักเล่นมาบอกเอาตอนเช้าว่าจะค้างคืนด้วยแต่ที่น่าห่วงคือแม้แต่ยงกุกเองก็ยังไม่รู้นี่สิ
“ผมไปแล้วนะครับพ่อ แม่!” ยงกุกที่ตอนนี้ไม่ต่างจากคนในครอบครัวสักเท่าไหร่ เขาเรียกสองคนนั้นว่าพ่อกับแม่
และยังมีน้องชายจอมยุ่งตรงนี้อีกคน พ่อครับแม่ครับ!!
ตอนนี้ไม่ต้องห่วงผมแล้วนะครับ ผมมีคนที่คอยดูแลผมแล้วนะเห็นไหมครับ?
“แล้วจะรีบกลับนะคร๊าบผม!” สองมือของเจ้าตัวยุ่งกำลังโบกสะบัดอย่างเริงร่า
ก่อนจะรีบขึ้นรถของพี่ชายไป
“ว้าววว
ข้างในรถน่ารักจังฮ่ะพี่ยงกุก” มันเป็นรถสารพัดประโยชน์สำหรับผม
แต่สำหรับเด็กคนนี้คงเหมือนของเล่นชิ้นใหม่สินะ ใช่รึเปล่าเจโล่?
“ว่าแต่ไปไหนกันดี
เจโล่อยากไปเที่ยวไหนวันนี้” คนหน้าโหดกำลังอมยิ้มบางๆ
ก่อนที่จะได้ยินคำตอบชวนให้งงงวย
“บ้านพี่ยงกุกฮ่ะ ผมอยากเห็นบ้านพี่ยงกุกนะครับ
พี่มาเล่นบ้านผมตั้งบ่อยแต่ผมไม่เคยเห็นบ้านพี่เลยนะฮ่ะ พาผมไปนะฮ่ะ นะคร๊าบ!!” หน้าที่อ้อนไม่ต่างจากแมวในเรื่องเชร็คทำเอาคนมองแทยจะหยุดหายใจ
มันจะน่ารักเกินไปแล้วนะเจโล่
“ตามใจนะ
แต่มันไม่ได้มีอะไรน่าสนุกให้เล่นเท่าไหร่หรอกนะจะบอกให้” พูดจบก็ทำหน้าสบายอารมณ์อยู่คนเดียว
ส่วนอีกคนก็กำลังยิ้มแป้นเพราะพี่ชายยอมให้เขาไปที่บ้านได้
ก็อย่างที่บอกว่ายงกุกไม่รู้ว่าเจโล่จะมาค้างคืน
เลยเกิดอาการไก่ตาแตกเพราะจู่ๆ เจโล่ก็เพิ่งจะมาบอกเขาเอาตอนที่มาถึงบ้านกันแล้ว
จริงๆ ก็รู้เอาตอนที่เจโล่หยิบชุดออกมาแขวนในตู้เสื้อผ้าของเขานั่นแหล่ะ
“ผมเอาชุดนอนตัวโปรดมาด้วยล่ะ
ผมไปซื้อมาให้พี่อีกชุดด้วยนา แอบไปกับจองอบมาแต่
กว่าจะหาที่อยากได้เจอเล่นเอาเหนื่อยเลยฮ่ะ” แล้วก็ผงกหัวหงึกๆ
บ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจังแบบสุดๆ
ที่คนอย่างยงกุกไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงหายากขนาดนั้นกะอีแค่ชุดนอนเนี่ย
แล้วพอเจ้าตัวป่วนหยิบชุดออกมาจากกระเป๋าก็ทำให้เขาตรัสรู้
ชุดนอนที่เจโล่ซื้อมาให้เขามันเหมือนกับเจโล่ไม่มีผิด
ที่ต่างกันก็แค่ของผมเป็นสีแดงส่วนของเจโล่สีฟ้าเท่านั้น ชุดนอนคุณกระต่ายมีหมวกเป็นหัวกระต่าย
มีหูกระต่ายด้วย พอพลิกดูดีๆ จะได้เห็นว่ามันมีหางเป็นพุ่มนุ่มๆ อยู่ด้านหลังด้วย
แต่ที่ดูจะทำเอายงกุกปวดหัวตึ๊บก็คงจะเป็นรองเท้าคุณกระต่ายนี่แหล่ะ
ผมรู้ว่าคงจะน่ารักมากๆ
ถ้าเจโล่ใส่ชุดแบบนี้ แต่กับผมเนี่ยนะ
จะให้คนหน้าโหดแบบผมใสชุดที่น่ารักได้โล่แบบนี้นอนเนี่ยนะ
เจ้าตัวยุ่งกำลังจะแกล้งผมรึไงกันเนี่ย
“เจโล่!
คงไม่คิดจะให้พี่ใส่ชุดแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมฮ่ะเรานะ??” แต่รอยยิ้มโลกสดใสทำเอาผมสะดุ้ง
เอาจริงหรอว่ะเนี่ย?
แต่จะทำไงได้ก็นี่เป็นครั้งแรกที่บ้านหลังนี้ดูจะสว่างไสวและอบอุ่นขึ้นมา
นับตั้งแต่ผมต้องอยู่ที่นี่คนเดียว ถึงแม้ว่าอาจจะมีเพื่อนของผมเคยมาที่นี่บ้าง
แต่ก็ไม่เคยสักครั้งเดียวที่ผมจะมีความสุขเวลาที่อยู่บ้าน
ยกเว้นวันนี้ที่เจโล่มาบ้านของผม