หลังจากค่ำคืนแห่งความเมามายและเศร้าโศกเสียใจ
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวที่ปวดตุ๊บ ได้พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลื่อยเปล่า
ผ้าปูที่นอนมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่
แล้วความทรงจำของเรื่องเมื่อคืนก็ได้วกกลับมาเล่นงานผม
“นี่กูทำอะไรลงไปว่ะเนี่ย??” ฮยองซิกสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
แต่เขากำลังด่าทอตัวเองที่ทำแบบนั้นกับชีวาน คนที่คอยดูแลและดีกับเขามาตลอด
“นี่นายนะ จะนั่งซึมแบบนี้อีกนานไหม?” ผู้ชายคนหนึ่งถามผมที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว
ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร และเขามาพูดคุยกับผมเพื่ออะไร
“ผมไม่ได้ซึม
แค่นั่งคิดถึงชีวิตบัดซบของตัวเองอยู่” ผมตอบเขาออกไปโดยไม่คิดอะไรมาก
แต่สีหน้าของเขาดูจะเป็นห่วงผมเล็กน้อย
“ฉันชื่ออิมชีวาน เรียกชีวานเฉยๆ ก็ได้”
เขาแนะนำตัวกับผมอย่างเป็นมิตร
“คุณอายุเท่าไหร่?” ในตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุสิบแปดเอง
“ฉันยี่สิบแล้ว แล้วนายล่ะ?” เขาดูเด็กกว่าอายุของเขาเยอะเลยนะเท่าที่ผมคิด
“สิบแปดครับ ผมคงต้องเรียกคุณว่าพี่สินะ”
ผมบอกเขาไปตามความจริง ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่อบอุ่นมากเลย
“งั้นยินดีที่รู้จัก
ว่าแต่นายยังไม่บอกชื่อกับฉันเลยนะ??” เขามองผมด้วยสีหน้าค้อนน้อยๆ
“ปาร์คฮยองซิกฮ่ะ เรียกแค่ฮยองซิกก็พอ” หลังจากนั้นผมกกับเขาก็เจอกันอยู่บ่อยๆ
ในหัวของผมตอนนี้มันมีแต่ภาพความทรงจำเก่าๆ
ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด ผมไม่เคยรู้สึกกับพี่ชีวานมากกว่าพี่ชายของผมเลย
เขาดีกับผมมาตลอด จนกระทั่งผมเริ่มเข้าแก๊งค์ของพี่ยงกุกอย่างเป็นทางการ
ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทจนเลือดตกยางออกก็จะได้พี่ชีวานมาคอยดูแลอยู่เสมอ
เขาเป็นแบบนั้นดูแลผมมาตลอด ทุกครั้งที่ผมเศร้าเขาจะมอบรอยยิ้มมาให้
มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงครอบครัวที่อบอุ่นแม้จะเพียงแค่เราสองคน
ในตอนนี้ผมจะทำยังไงดี คนที่เป็นเหมือนครอบครัวของผมบอกว่าเขาหลงรักผมมาตลอด
แต่ผมได้ทำเรื่องไม่น่าให้อภัยต่อเขาไปแล้ว
ผมควรจะขอโทษให้เขาอภัยให้ต่อความผิดนี้ใช่ไหม
แล้วเขาจะยอมรับฟังคำขอโทษจากผมรึเปล่า
แต่เรื่องที่ฮยองซิกไม่เคยคิดฝันมาก่อนคือชีวานได้หายไปจากชีวิตของเขา
หลังจากเดินออกจากประตูห้องไป
ชีวานก็ทำเพียงแค่โทรไปลาออกกับบาร์ที่เขาทำงานอยู่ด้วย
ข้าวของทุกอย่างในห้องพักถูกเก็บไปจนหมด มีเพียงชิ้นเดียวที่ยังคงถูกทิ้งเอาไว้
กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของฮยองซิกและชีวานในตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน
รอยยิ้มในรูปของชีวานยิ่งทำให้ฮยองซิกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ทั้งที่ผมหลงรักเจโล่แท้ๆ
แต่ทำไมผมถึงเจ็บปวดนักนะที่พี่หายไป พี่ชีวาน!!” น้ำตาของคนสำนึกผิดไหลลงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาไม่รู้ว่าควรจะไปหาอีกคนที่ไหน
ในตอนนี้ฮยองซิกอยู่ในห้องทำงานของยงกุก
เขากำลังเล่าให้ยงกุกฟังเกี่ยวกับเรื่องของชีวานทั้งหมด
ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องตามหาชีวานก่อนเรื่องอื่น
ฮยองซิกจึงมาขออนุญาตยงกุกเพื่อหยุดงานสักพัก
เพื่อที่เขาจะได้ออกไปตามหาได้อย่างที่ตั้งใจไว้
“แล้วแกรู้รึไงว่าตอนนี้ชีวานไปอยู่ที่ไหนนะ?”
ยงกุกที่ฟังเรื่องราวมาอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเรื่องบ้าๆ ที่ฮยองซิกทำไม่ใช่อะไรที่ชีวานจะให้อภัยได้ง่ายๆ
เลยสักนิด
“ผมคิดว่ามีที่นึงที่ผมควรจะไป
และผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่ที่นั่นผมก็คงหาเขาไม่เจอแล้วล่ะ”
ฮยองซิกตอบยงกุกออกไปอย่างเหนื่อยใจ
“งั้นถ้าเจอชีวานแล้ว
ก็แค่บอกออกไปอย่างที่ใจแกคิดอยู่แล้วกัน ฉันมั่นใจมากว่าตอนนี้คนที่แกรักจริงๆ
คงไม่ใช่เจโล่แน่ๆ” ยงกุกมักจะอ่านความคิดของฮยองซิกออกเสมอ
และครั้งนี้เขาก็มั่นใจเช่นกัน
“แล้วพี่ชีวานจะยกโทษให้ผมหรอ?” แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฮยองซิกยังคงกังวล
“อย่างน้อยก็ต้องไปขอโทษ
ส่วนชีวานจะยกโทษให้ไหมฉันตอบแกไม่ได้! มันขึ้นอยู่กับว่าแกจริงใจกับคำขอโทษนั่นมากแค่ไหน?”
คำแนะนำของยงกุกช่วยให้ฮยองซิกมีกำลังใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาต้องออกไปตามหาชีวานก่อน
“งั้นผมไปนะครับ จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
ใช่แล้ว เขาจำเป็นต้องกลับมา เพราะยังมีหน้าที่สำคัญให้เขาทำอยู่
นั่นคือการระวังหลังให้ยงกุก
หลังจากฮยองซิกออกไป
เจโล่ก็เดินเข้ามาหายงกุกที่อยู่ในห้องคนเดียว
“พี่ยงกุกฮ่ะ!” เจโล่เรียกยงกุกที่กำลังหลับตาเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่
“หลับหรอเนี่ย??” ยงกุกแกล้งหลับเพราะอยากจะยั่วอีกคนเล่น
“ตอนหลับก็น่ารักนะเนี่ย พี่ยงกุกของผม!”
เจโล่พูดพร้อมกับเอนหน้าเข้ามาจ้องยงกุกใกล้
“ตาคู่นี้ของผม จมูกนี่ของผม
แล้วริมฝีปากนี้ก็ของผม” เจโล่กำลังใช้นิ้วของตัวเองจิ้มเบาๆ
ลงบนใบหน้าของยงกุก พล่างอมยิ้มอย่างมีความสุขเพราะกำลังมองยงกุกอยู่
“ส่วนคนนี้ของพี่!!” ยงกุกที่แกล้งหลับรอจังหวะให้เจโล่ตายใจก่อนจะคว้าเอาร่างบางเข้ามากอดเอาไว้
“แกล้งหลับรอฮ่ะ??” เจโล่บุ้ยปากใส่ยงกุกอย่างงอนๆ
“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอครับว่าริมฝีปากนี่ของเจโล่อ่ะ”
ว่าแล้วยงกุกก็มอบจูบหวานละมุนให้เจโล่
ก่อนที่เจโล่จะหย่อนตัวลงนั่งตักของยงกุกอย่างว่าง่าย แขนทั้งสองข้างกำลังโอบรอคอสวยของยงกุกก่อนจะโดนกอดแน่นกว่าเดิม
“พี่ยงกุกอ่ะ” เจโล่เริ่มประท้วงเพราะในตอนนี้ยงกุกเริ่มล้วงล้ำเกินกว่าเหตุ
“ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะฮ่ะ” คำพูดของเจโล่ทำเอายงกุกอมยิ้ม
“งั้นกลับบ้านดีกว่านะ” ว่าแล้วยงกุกก็รีบดึงมือเจโล่เดินไปที่รถเพื่อจะกลับบ้าน
ก่อนจะตะโกนร้องเรียกให้คนที่เหลือมาขึ้นรถ
อีกด้านหนึ่งยังมีอีกคนที่ปวดใจไม่ต่างกัน
“นายคงสบายดีใช่ไหมฮยองซิก??” ใครคนหนึ่งที่หลบหนีความเจ็บปวดเพื่อมาทบทวนเรื่องราวทั้งหมดเพียงลำพัง
กำลังคิดถึงคนที่ทำร้ายเขาอยู่
ฉันเองต้องการนายมาตลอด แต่ทำไมสัมผัสที่ฉันได้รับจากนายถึงทำให้ฉันเจ็บเจียนตายแบบนี้นะ
ทั้งที่คิดเอาว่าฉันคงทนรักนายต่อไปได้แม้ฉันไม่เคยได้รับความรักกลับคืนมา
ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยออกไปว่าฉันต้องการความรักจากนายมากแค่ไหน
ฉันได้แต่เข้าข้างตัวเองว่านายคงรักฉันบ้างไม่มากก็น้อย จนกระทั่งในคืนที่นายถูกใครทำให้เจ็บช้ำใจฉันก็ยังหวังว่าความรักของฉันจะเยี่ยวยานายได้
แต่ไม่เลยแม้แต่น้อย
น้ำตาที่ในตอนนี้ควรจะหยุดได้แล้วยังคงไหลออกมาไม่ยอมหยุด
เพราะความคิดถึงรึไงถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้
หรือเพราะความเสียใจที่ไม่เคยเข้าไปในใจของอีกคนได้เลยแม้แต่น้อยกันนะ
“นี่พ่อหนุ่ม!” มีหญิงชราคนหนึ่งทักชีวานขึ้นมา
“ร้องไห้เรื่องอะไรรึเรานะ?” ท่านดูเป็นคนใจดี รอยยิ้มนั้นทำให้ชีวานปาดน้ำตาทั้งสองข้างแก้มออก
“แค่มองทะเลแล้วมันรู้สึกเศร้านะครับ
น้ำตาก็เลยไหลออกมา” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ทะเลไม่เคยทำให้ใครเศร้าได้หรอกนะ
ยกเว้นแต่ใครคนนั้นกำลังทุกข์ใจ” จริงอย่างที่หญิงชรากล่าวมา
น้ำตาที่ไหลเกิดจากความทุกข์ภายในใจของเขาเอง
“ผมโกหกไม่เก่งขนาดนั้นเลยหรอครับ?” ชีวานอมยิ้มนิดๆ แต่มันดูเหมือนคนที่กำลังสมเพชตัวเองมากกว่า
“ถ้าทุกข์ใจขนาดนั้นก็แค่ร้องไห้ออกมาให้หมด
แล้วก็ให้เกลียวคลื่นมันดูดกลื่นเรื่องไม่ดีลงไปด้วย
ทำแล้วจะได้สบายใจขึ้นนะพ่อหนุ่ม” ทั้งที่พยายามจะไม่ร้องไห้แล้วแท้ๆ
แต่เพราะคำพูดของเธอทำให้เขาปลดปล่อยความเศร้าเสียใจออกมาได้อย่างไม่รู้อาย
“ดีแล้วๆ
แค่ปล่อยมันออกมาอย่าฝืนรึเก็บมันเอาไว้
แต่จงจำไว้ว่าเรื่องเศร้ามักจะถูกแทนที่ด้วยความสุขเสมอนะ” หลังจากพูดให้กำลังใจชีวาน
หญิงชราก็เดินต่อไปอย่างสบายอารมณ์
ส่วนชีวานที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายก็ได้ตะโกนออกมาจนสุดเสียง
เพียงเพราะหวังว่ามันจะส่งไปถึงอีกคน
“ฉันรักนายได้ยินไหม!!!” สิ้นเสียงก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทราย
หยาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดนี้ควรจะทำยังไงกับมันดี
นั่นคงเป็นความคิดของคนที่กำลังมองดูอยู่ไม่ไกล
ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่ตัวเองตามหามาหลายวัน
“ผมได้ยินแล้วครับ!!!” ฮยองซิกพูดตอบชีวานที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด
ชีวานดูเหมือนจะช็อกที่เห็นฮยองซิกยืนอยู่ต่อหน้าในตอนนี้
ก่อนจะก้าวถอยหลังช้าๆ คล้ายกำลังพยายามจะหนีอีกคนไป
แต่ฮยองซิกไม่คิดจะปล่อยคนตรงหน้าไปอีกแล้ว
เขาจึงดึงชีวานเข้าหาตัวแล้วกอดเอาไว้ให้แน่นที่สุด
“ผมขอโทษ!! พี่จะไม่ยกโทษให้ผมก็ได้
จะเกลียดผมก็ได้ ผมแค่อยากให้รู้ว่าผมเสียใจ” ฮยองซิกร้องไห้ออกมาอย่างคนอ่อนแอ
ก่อนจะจูบชีวานที่กำลังสับสนกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
“และตอนนี้ผมรู้แล้ว
ว่าคนที่ผมรักและต้องการมากที่สุดคือพี่ ยกโทษให้ผมได้ไหม??”
ฮยองซิกที่ถอนจูบออกมาในตอนนี้เขาทำได้เพียงจ้องมองอีกคนอย่างเสียใจ
คำขอโทษและความรู้สึกมากมายถูกส่งผ่านออกมาจากหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม? นายรักฉันจริงๆ หรอฮยองซิก??” ชีวานที่จ้องมองอีกคนด้วยน้ำตาไม่ต่างกัน
ในที่สุดก็เอ่ยปากถามอีกคนเพื่อความมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั่นไม่ผิดแน่
“ผมขอโทษครับ ผมรักพี่นะ!!!”
ชีวานที่ได้ยินคำรักอย่างชัดเจนกำลังจูบฮยองซิกเหมือนกับไม่อยากให้อีกคนหายไปไหน
จูบนั้นเนิ่นนานและเต็มป็นด้วยความเศร้า แต่ในท้ายที่สุด
เขาก็ได้รับความรักที่เขาปรารถนากลับคืนมา
“ห้ามใจร้ายกับฉันแบบนั้นอีกนะฮยองซิก!!”
ฮยองซิกดึงชีวานเข้าไปกอดทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกคน
ใบหน้าซบอยู่บนไหล่ของอีกคน
“ผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจอีก กลับไปกับผมนะ”
อย่างน้อยท้ายที่สุดความจริงใจในคำขอโทษนั้นก็ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันได้
เพราะบางครั้งความรักก็ทำให้คนเราโง่และบ้าพอ
แค่เพียงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ก็เพียงพอแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น