ฉันเริ่มไม่แน่ใจกับเหตุการณ์ในตอนนี้สักเท่าไหร่
ลูกชายสุดที่รักของฉันน่ารักและแสนดีเกินกว่าโลกที่ฉันครอบครองอยู่
โลกที่ฉันต้องบอกกับเขาในสักวันเมื่อถึงเวลานั้น
แต่ฉันเองไม่ต้องการให้เขารับรู้ถึงสิ่งที่ฉันทำ สิ่งที่ทำให้สามีของฉันต้องมาเหนื่อยเพราะภาระที่ฉันเป็นคนยัดเยียดให้กับเขาไป
เพียงเพื่อฉันจะได้หลุดออกจากโลกที่มืดมนนั้น
แต่ในตอนนี้ลูกชายของฉันกำลังเผชิญกับโลกที่เขาไม่คุ้นเคย
โลกของการต่อสู้ดิ้นรนและความขัดแย้งไม่รู้จบ แต่นั่นหาใช่โลกของฉันไม่ โลกที่ฉันหันหลังจากมาน่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ
“นี่ฉันต้องบอกแกอีกกี่ครั้ง
แกจะแต่งกับคนเกาหลีไม่ได้ เพราะแกคือผู้นำของรุ่นที่สี่
แกคือคนที่ต้องดูแลที่นี่ต่อจากฉัน” นั่นคือคำพูดของคนที่เป็นพ่อของฉัน
เขาคือผู้ที่ครอบครองอำนาจปกครองสูงสุดของเหล่ายากูซ่า ไม่ว่าจะเป็นยามะงุจิงุมิ
ซุมิโยชิ-ไค อินะงะงะวะ-ไค
ที่เป็นถึงสามกลุ่มใหญ่ของยากูซ่าญี่ปุ่นก็ยังต้องรับคำสั่งจากเขา
ผู้ที่มีศักดิ์ไม่ต่างจากประมุขของเหล่ายากุซ่า
ชายผู้นั้นคือคุณตาของจุนฮงหรือเจโล่ที่แสนบริสุทธิ์ของฉัน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทุกอย่างฉันเลือกที่จะหนีมาอยู่กับสามีของฉันที่ญี่ปุ่น
แต่แล้วเมื่อหกปีก่อน สายเลือดของตระกูลโทะกุงาวะได้สิ้นใจลงในที่สุด
และผู้สืบสายเลือดอย่างฉันจำต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง
หน้าที่ที่ฉันละทิ้งมานาน
ซึ่งบัดนี้ผู้ทำหน้าที่นั้นแทนฉันคือสามีสุดที่รักของฉันเอง
“ผมจะรับภาระนี้แทนคุณ เพราะหากคุณล่ะทิ้งหน้าที่นี่ไป
มันอาจหมายถึงเราจะต้องอยู่อย่างสงบไม่ได้อีกเลยและนี่คือสิ่งที่ผมจะทำเพื่อคนที่ผมรัก!!”
ซึงฮยอนของฉันรับหน้าที่จัดการทุกอย่างแทนฉัน
ฉันคือผู้นำของรุ่นที่สี่และคนต่อไปที่จะต้องทำหน้าที่นี่
รุ่นที่ห้าของสายเลือดโทะกุงะวะ ลูกชายของฉัน!!
“เราไม่อาจยอมรับชายผู้นี้ได้ เขาคือคนเกาหลี!!!”
ทุกคนต่อต้านซึงฮยอนที่ไร้เลือดของโทะกุงาวะ
และสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องการจากฉันคือรุ่นที่ห้า
“ลูกชายของเธอจะต้องสืบทอดหน้าที่นี่ทันทีที่อายุถึงเกณฑ์
เมื่อเขาอายุสิบแปดเธอจะต้องให้เขารับการฝึกเพื่อการเป็นผู้นำ
และเมื่อย่างเข้ายี่สิบปีเต็มเขาต้องเริ่มทำหน้าที่นี่ในทันที” นี่คือสิ่งที่ผู้นำของทั้งสามกลุ่มร้องขอซึ่งฉันไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
เพราะมันอาจหมายถึงความตายของฉันและครอบครัว
“ฉันขอเวลาแค่สามปี
ฉันอยากให้เจโล่ได้อยู่และเติบโตในเกาหลีบ้าง เขาควรจะได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป
ซึ่งพวกท่านต่างรู้ดีว่ามันจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากจิโร่ของฉันอยู่ในญี่ปุ่น” จิโร่คือชื่อญี่ปุ่นของเจโล่
แต่ฉันกับซึงฮยอนเรียกเจโล่เพื่อให้ดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่น
“ถ้าครบสิบแปดปีเมื่อไหร่
จิโร่ต้องเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นรุ่นที่ห้าไม่มีการยอมจากพวกเราอีกแล้ว
จำไว้ด้วยนะ เซริว!!” นั่นคือชื่อของฉัน
นามที่มีเพียงความน่าเกรงขามไร้ซึ่งความอ่อนโยนแห่งอิสตรีใดๆ
ชื่อที่ฉันเกลียดชังเป็นนักหนา โทะกุงาวะ เซริว
“พี่ยงกุกฮ่ะ ทำไมถึงต้องสู้กันด้วยครับ?
แค่เราหยุดเรื่องทุกอย่างแล้วไปอยู่ญี่ปุ่นไม่ได้หรอฮ่ะ
พี่ยงกุกจะได้ไม่ต้องไปสู้กับใครที่ไหน!!” เจโล่ที่ยังคงเป็นห่วงยงกุกไม่น้อยลงเลย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้
เจโล่มักจะใช้เวลาส่วนใหญที่อยู่กับยงกุกหมดไปกับการเกลี่ยกล่อมให้ยงกุกเลิกเป็นมาเฟียและทิ้งทุกอย่างที่นี่ไปญี่ปุ่นกับเขา
“เจโล่อ่า! พี่ต้องจัดการทุกออย่างให้เรียบร้อยนะ
ถ้าพี่ทิ้งไปแบบนั้นก็เท่ากับพี่ทิ้งปัญหาเอาไว้ให้ลุงและคนที่ต้องมาแก้ปัญหานี่อาจจะเป็นแดฮยอนก็ได้นะ
ถ้าเป็นแบบนั้นจองอบก็ต้องทุกข์ใจเหมือนที่เจโล่เป็นในตอนนี้ไม่ใช่หรอครับ ฮือ??”
ยงกุกพยายามจะเข้าใจทุกอย่างแต่ก็อธิบายให้เจโล่โน้มเอียงตามเขาบ้าง
“แต่ว่าผม..” เจโล่ที่เถียงไม่ชนะในเรื่องนี้พยายามจะเอาชนะให้ได้
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“อีกอย่างนะ
แดฮยอนสู้ไม่เก่งเหมือนพี่ด้วยนะเจโล่!!” เจโล่ไม่เถียงในเรื่องนั้น
เขารู้ดีว่ายงกุกสู้ได้ดีแค่ไหน น่าหวาดกลัวขนาดไหนในยามที่ยงกุกกลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด
แต่ในระหว่างที่เอาแต่โต้แย้งไปมา
ในที่สุดคุณและคุณนายชเวก็สังเกตเห็นจนได้
“นี่พ่อถามอะไรเราสองคนได้ไหม??” ซึงฮยอนผู้เป็นพ่อเป็นคนเอ่ยปากถามก่อน
“มีเรื่องอะไรที่พ่อควรรู้รึเปล่า
พ่อว่าเราสองคนทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่ที่มีปาร์ตี้กันตอนนั้นแล้วนะ
ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายหรอกถ้าไม่ใช่ว่าเราสองคนเอาแต่เถียงกับไปมาแบบนี้นะ???”
จะมีใครสังเกตสองคนนี้ได้ชัดเจนกว่าคนที่เห็นพวกเขาแทบทุกวันแบบนี้กันล่ะ
“ห้ามโกหกพ่อกับแม่นะ
บอกมาให้หมดก่อนที่พ่อกับแม่จะไปสืบหาความจริงเอาเอง!!” คุณนายชเวเด็ดขาดเสมอในเวลาที่เธอต้องการจะรู้ความจริง
“ผมขอโทษครับที่ไม่เคยบอกเรื่องนี้
เพราะเจโล่เคยขอเอาไว้ว่าไม่ให้เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
แต่ผมคิดว่าผมสมควรจะพูดออกมามากกว่า” ทันทีที่เจโล่ได้ยินยงกุกพูดออกมาแบบนั้นก็เริ่มหน้าซีดขึ้นมาทันที
“พี่ยงกุกฮ่ะ!!” เจโล่พยายามส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อไม่ให้ยงกุกเล่าออกไป
“วันที่ครบรอบนะครับ! ที่พ่อกับแม่ไปเที่ยวแล้วปล่อยให้เจโล่อยู่กับผมได้ ในคืนนั้น..” คำพูดของยงกุกทำเอาเจโล่กำมือไว้แน่น ส่วนคุณและคุณนายชเวก็ลุ้นตามไปด้วย
“ว่าไงยงกุก? พูดต่อสิจ๊ะ”
คุณนายชเวพยายามขยั้นขยอให้ยงกุกพูดต่อไป
“คนของแก๊งค์ชินฮวาที่ผมเคยเล่นงานนะครับ..
พวกมันบุกไปที่บ้านของผมในตอนที่ผมออกไปข้างนอกและเจโล่อยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว”
ยงกุกพยายามสูดลมหายใจเข้าให้มากที่สุดก่อนจะเอ่ยออกมาจนหมด
ส่วนเจโล่ในตอนนี้ได้ร้องไห้ออกมาแล้ว ซึ่งยิ่งทำให้คุณและคุณนายชเวเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกว่าเกิดอะไรกันแน่
“พวกมันพยายามลวนลามเจโล่ครับ!!!” คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้คุณนายชเวรีบโผเข้ากอดลูกชายในทันที
ส่วนคนเป็นพ่อกลับทะลึ่งพรวดกำคอเสื้อยงกุกไว้แน่นก่อนจะหลุดถ้อยคำน่ากลัวที่ทำเอาเจโล่ตกใจสะดุ้ง
“พวกมันเป็นใคร? มันทำอะไรลูกชายฉันนะ??
แล้วทำไมนายไม่บอกฉันฮ่ะยงกุก!!!” แต่ก่อนที่คุณชเวจะสติแตกมากไปกว่านั้นเจโล่ก็รีบตะโกนห้ามผู้เป็นพ่อ
“พี่ยงกุกเล่นงานพวกนั้นจนเกือบตายไปแล้วล่ะฮ่ะ
พ่อใจเย็นนะครับผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ” เจโล่พูดพลางยิ้มทั้งน้ำตาให้พ่อของตน
แต่สิ่งที่ทำยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ้นสุดความอดทน
“ที่รัก คุณพาเจโล่ขึ้นไปบนห้องก่อน
ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับยงกุก เดี๋ยวนี้!!!” คุณนายชเวผู้อ่อนโยนในตอนนี้ได้หายไปแล้ว
ซึงฮยอนผู้เป็นพ่อต้องรีบพาเจโล่ออกมาจากหญิงอันเป็นที่รักที่ในตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดโกรธจัด
เขาไม่ต้องการให้เจโล่ได้เห็นแม่ที่แสนอ่อนหวานกลายเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวแบบนั้น
ต่างจากยงกุกที่กำลังเผชิญหน้ากับคนที่อาจจะน่ากลัวกว่าเขาเสียด้วยซ้ำไป
“คนพวกนั้นเป็นใคร? ฉันจะจัดการกับคนที่บังอาจแตะต้องลูกชายของฉัน!!!”
ดวงตาที่เหมือนจะแผดเผาให้คนแดดิ้นตายลงได้
กำลังจ้องมองยงกุกอยู่และนี่คือครั้งแรกที่ยงกุกรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลัวใครสักคน
แม่ผู้แสนอ่อนหวานในตอนนี้มีดวงตาที่ไม่ต่างจากเพชรฆาตผู้พร้อมจะบั่นคอใครต่อใครให้ขาดสะบั้น
“แม่ครับ! ผมสัญญาว่าผมจะจัดการคนพวกนั้นให้ไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นอีก!!”
ยงกุกรีบบอกสิ่งที่เขากำลังพยายามจะทำออกไปแต่ก็ต้องช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน
“ฉันรู้ว่าเธอเองก็รักเจโล่ไม่ต่างจากฉันนะยงกุก
แต่เจโล่ไม่ได้เป็นแค่ลูกชายสุดที่รักของฉันเท่านั้น
เขาคือผู้นำรุ่นที่ห้าของตระกูลเก่าแก่ที่เป็นคนกุมอำนาจของยากูซ่าทั่วทั้งแผ่นดินญี่ปุ่น
และฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนที่บังอาจมาแตะต้องลูกชายของฉันให้แปดเปื้อน
แม้มันจะเพียงเล็กน้อยแต่เรื่องนี้ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!!!”
“แม่หมายความว่าไงครับที่ว่า...
เจโล่เป็นใครนะครับ??” ยงกุกที่กำลังไม่เข้าใจได้แต่สับสนงุนงงกับสิ่งที่เขาได้ยินมา
“แม้แต่เจโล่ก็ไม่รู้ถึงสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบในอนาคต
ฉันคือผู้นำรุ่นที่สี่ที่ละทิ้งหน้าที่ของตน
และผลที่ได้รับคือลูกชายของฉันจะต้องเป็นคนรับหน้าที่นี้ทันทีที่อายุยี่สิบปีบริบูรณ์
เด็กคนนั้นจะต้องทำหน้าที่ที่โหดร้ายนั่นแทนฉัน” ยงกุกฟังเรื่องทุกอย่างอย่างไม่เข้าใจ
เขาสับสนกับทุกๆ เหตุผลที่คุณนายชเวเล่าให้เขาฟัง
“สรุป! ที่พ่อกับแม่กลับมาจากที่ญี่ปุ่นก็เพื่อให้เจโล่ได้ใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป
ก่อนจะจับเขาไปยัดใส่ในโลกที่เขาไม่ควรสัมผัสหรือรู้จักมันแม้แต่นิดงั้นหรอครับ??”
ยงกุกกำลังโกรธที่เขาได้รู้ว่าเจโล่จะต้องมาเจอกับโลกที่เลวร้ายกว่าโลกโสมมที่เขาอยู่เสียอีก
น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ เลวร้ายเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริงสำหรับเจโล่
“ฉันจะไม่ขอให้เธอเข้าใจในเรื่องทั้งหมดนี้นะยงกุก
แต่เธอจำเป็นต้องบอกฉันเดี๋ยวนี้ว่าพวกมันเป็นใคร? โดยเฉพาะคนที่มันบังอาจมาแตะต้องผิวสวยๆ
ของเจโล่!!” น้ำเสียงปิดท้ายนั้นบ่งบอกได้ชัดว่าต้องการจะเอาถึงตาย
“แต่เจโล่ไม่ต้องการให้ผมฆ่าใครนะครับแม่!”
ยงกุกรู้ดีว่าเจโล่เองก็คงไม่ต้องการให้แม่ของเขาฆ่าใครด้วยเช่นกัน
“นี่เป็นปัญหาของคนพวกนั้น
ไม่ใช่ปัญหาที่เธอจะต้องเอามาคิดนะยงกุก และต่อให้เธอไม่บอกฉันในตอนนี้ฉันก็จะสืบเอาเองอยู่ดีนั่นแหล่ะ”
ยงกุกที่หาเหตุผลมาแย้งไม่ได้อีกก็ทำได้เพียงบอกความจริงทุกอย่างข้อมูลที่เรารู้มา
รวมไปถึงเรื่องที่เขาจะละทิ้งทุกอย่างเพื่อเจโล่
เซริวหรือคุณนายจียงกำลังเล่าเรื่องทุกอย่างของเธอให้กับยงกุกฟังรวมถึงเรื่องที่สามีของเธอต้องทำหน้าที่แทนเธอ
และสาเหตุที่เธอเล่าให้ยงกุกฟังก็เป็นเพราะเธอต้องการให้เขาทำเพื่อเจโล่เช่นที่สามีของเธอทำเช่นกัน
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะขอจากเธอเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว
แต่เธอจะคอยดูแลเจโล่ใช่ไหมยงกุก? เจโล่หลีกหนีสิ่งนี้ไม่ได้เพราะมันเหมายถึงความตายของทุกคน
เธอจะคอยช่วยเจโล่เหมือนที่พ่อทำให้แม่ได้ไหม??” คุณนายชเวรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับเจโล่
และเธอก็รู้ดีกว่าใครว่าคนที่เหมาะจะทำหน้าที่นี่แทนเจโล่ก็คือยงกุกนั่นเอง
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเจโล่ แม่ไม่ต้องห่วงครับ!!!”
ยงกุกรับปากในเรื่องที่คุณนายชเวเอ่ยปากขอร้องมา
และในตอนนี้เจโล่ควรจะได้รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
เจโล่ที่ในตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกำลังร้อนใจจนคนเป็นพ่ออดห่วงไม่ได้
ลูกชายของเขาจะยอมรับเรื่องที่เขากับเมียรักตัดสินใจลงไปได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ
“ที่รัก! พ่อว่าเราควรเล่าเรื่องของเจโล่ให้ยงกุกรู้ได้แล้วนะ
พ่อคิดว่ายงกุกน่าจะทำหน้าที่นี่ได้ดีกว่าพ่อเสียด้วยซ้ำไป
เจโล่จะแข็งแกร่งที่สุดถ้ายงกุกคอยดูแลและช่วยเหลือเขา
ไม่ว่าคนของกลุ่มไหนก็ต้องเกรงกลัวในอำนาจของเจโล่และหวาดหวั่นต่อยงกุก
นั่นจะทำให้เจโล่ปลอดภัยในที่สุด!!!”
เจโล่! ลูกคงไม่โกรธที่พ่อกับแม่ยัดเยียดสิ่งที่ลูกพยายามผลักไสไปให้ไกลจากยงกุกหรอกใช่ไหม?
ลูกคงยกโทษให้พ่อกับแม่ใช่ไหม? ที่ลากให้ยงกุกต้องอยู่ในโลกที่มืดมิดยิ่งกว่าที่เคย
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น