หลังจากฟังเรื่องที่ไอ้ฮิมมันบอกผมก็เริ่มไม่แน่ใจกับชีวิตเท่าไหร่
วันนี้เจโล่ไม่อ้อนผมเหมือนทุกวัน แถมยังจะไปหาหมอกับแม่ทั้งที่น่าจะเป็นผมมากกว่า
หรือว่าเจโล่จะท้องได้เหมือนยองแจกันนะ
“คุณหมอค่ะ ตกลงว่าเกิดอะไรกับลูกชายของฉันกันค่ะ??” คุณนายชเวกำลังลุ้นผลตรวจร่างกายของลูกชาย
ไม่ต่างจากเจโล่ที่ตอนนี้เริ่มไม่อยากจะฟังผลขึ้นมาซะดื้อๆ
“เออ.. หมอต้องขอพูดตามตรงนะครับเพราะนี้เป็นกรณีที่หาได้ยากมาก จริงๆ
ถ้าดูจากภายนอกก็ไม่น่าจะมีอะไร
แต่หมอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงมีไอ้นั้นได้” หมอหยุดพูดไปพักใหญ่เล่นเอาคนรอฟังใจจะขาด
“มีอะไรค่ะคุณหมอ? ลูกฉันคงไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงใช่ไหม??”
ยิ่งหมอเงียบก็ยิ่งเครียดทั้งแม่ทั้งลูก
“อยู่ที่ว่าคุณอยากจะเอาออกรึเปล่านะครับ?”
“เอาอะไรออกฮ่ะหมอ??” เจโล่ถึงกับตะโกนถามเสียงดัง
เพราะเขาไม่เข้าใจความหมายของหมอ
“หมอตรวจพบว่าคุณมีมดลูกนะครับ
แล้วตอนนี้คุณก็เป็นอะไรที่เรียกกันว่ารอบเดือน!” มีมดลูกหรอ?
แต่ผมเป็นผู้ชายนะ
“แต่ลูกฉันมีปิ๊กกาจู๊นะคุณหมอ ไม่มีน้องจิมินะค่ะ
ฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งกี่ปีแล้วเนี่ย??” จู่ๆ
ลูกชายฉันกลายเป็นลูกสาวซะอย่างนั้น
“มันเป็นเรื่องที่หมอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับ แต่สรุปง่ายๆ
ก็คือมันหลบใน แล้วก็อีกอย่างคือถ้ามีมดลูกก็ท้องได้นะครับ!!” คราวนี้หมอหันมายิ้มๆ
ให้เจโล่เหมือนจะรู้ว่าเคยเกิดอะไรกับเจ้าตัวงั้นแหล่ะ
“ส่วนที่มีรอบเดือนครั้งแรกเอาตอนนี้ก็คงเพราะเพิ่งจะแตกเนื้อสาวล่ะมั้งครั้ง
หรือไม่ก็มีใครไปเปิดทางให้นะ?” หมอหันมายิ้มให้เจโล่แบบแปลกๆ
อีกรอบอย่างรู้ทัน
“สรุปแล้วฉันได้ลูกสาวหรือลูกชายค่ะเนี่ย?” คุณนายกำลังงงเป็นไก่ตาแตก
“ก็เป็นได้ทั้งสองอย่างครับ อยู่ที่ว่าเจ้าตัวเขาจะเลือกแบบไหน?” ทำไมผมรู้สึกอย่างกับโดนหมอคนนี้ลวนลามทางสายตากันนะ โชคดีที่ตอนตรวจร่างกายพี่พยาบาลเป็นคนทำให้
“สรุปคือผมปกติดีใช่ไหมครับ? แค่ผมท้องได้แล้วก็มีรอบเดือนแบบผู้หญิงแค่นั้นใช่ไหม??”
ผมอยากจะออกจากห้องนี้เต็มทีแล้ว
“ไปกันเถอะครับแม่!” ว่าแล้วเจโล่ก็ไม่รอช้าลากแขนแม่กลับบ้านทันที
เจโล่ครับ
ที่รักของผมเมื่อไหร่จะกลับบ้านสักทีล่ะเนี่ย?
คิดถึงจะแย่อยู่แล้วครับผม!!!
ยงกุกที่ไม่มีอะไรจะทำวันทั้งวันก็เลยจบลงด้วยการนั่งรอเจโล่กลับจากโรงพยาบาล
ส่วนคุณชเวนะหรอก็ออกไปสังสรรค์กับบรรดาคุณเพื่อนเข้าตำราแมวไม่อยู่หนูร่าเริง
“กลับมาแล้วจ้า!” คุณนายชเวร้องทักทันทีที่เปิดประตูบ้านได้
แต่พอเห็นว่ามีแค่ยงกุกอยู่ในบ้านก็รีบชักสีหน้าบึงตึงแทน
“นี่พวกน้าๆ เขาลากพ่อไปเที่ยวใช่ไหมยงกุก?” ยงกุกทำได้แค่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะบอกยังไง
ก่อนจะรีบเดินไปหาเจโล่ที่เดินเข้าบ้านช้าผิดปกติ
“เจโล่เป็นอะไรครับ? หมอว่าไงบ้าง??” ยงกุกเป็นห่วงจากใจจริง แต่ภาพที่แม่เห็นก็ต้องรีบมาดึงยงกุกออกจากเจโล่
เพราะตอนนี้ไม่ใช่ลูกชายแล้วแต่กลายเป็นลูกสาวไปด้วยในตัวก็เลยต้องหวงหน่อย
ส่วนยงกุกที่โดนจับแยกก็ตกใจเพราะไม่เคยเห็นว่าแม่จะโกรธเลยสักครั้งเวลาที่เขาจับมือถือแขนเจโล่
“เจโล่ขึ้นห้องไปลูก!” เจโล่ไม่ขัดอะไรแต่รีบขึ้นห้องไปอย่างว่าง่าย
“ยงกุก! น้าคงจะให้ยงกุกมาค้างกับน้องไม่ได้อีกแล้วนะ!!”
ทั้งที่รู้สึกผิดที่สั่งอะไรแบบนั้นแต่ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่า
ยังไงก็ท้องได้นะกันไว้ดีกว่าแก้แล้วกัน
“ผมทำอะไรให้ไม่พอใจรึเปล่าครับ?” ยงกุกถามเพราะอยากจะรู้จริงๆ
เขากำลังงงที่จู่ๆ เจโล่ก็เย็นชาใส่ แถมแม่ก็ดูจะไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อนด้วย
“จะให้แม่ว่าไงดีล่ะ คือ ช่วงนี้อยู่ห่างๆ เจโล่หน่อยก็ดีนะยงกุก
ถือว่าแม่ขอแล้วกันนะ ส่วนเรื่องไปรับไปส่งก็ไม่ว่าอะไร
แต่ต่อไปนี้ห้ามออกนอกเส้นทางตรงกลับบ้านได้อย่างเดียว!!” ว่าแล้วคุณนายก็ตรงขึ้นห้องนอนไป
ปล่อยให้ยงกุกสับสนอยู่คนเดียว
“นี่ฉันทำอะไรให้เจโล่โกรธรึเปล่า? หรือว่าแม่รู้เรื่องที่ยองแจท้องแล้วงั้นหรอ??”
ความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวของยงกุก
ทางด้านเจโล่เองก็เหมือนจะรู้สึกตัวหน่อยๆ
แล้วว่าถ้าขืนเป็นแบบนี้ยงกุกคงต้องคิดมากแน่ๆ
ก็เล่นไม่ยอมอยู่ใกล้ยงกุกเลยนี่หน่า
พอคิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อมาหาอีกคนที่ในตอนนี้ยังไม่ยอมกลับบ้านของตัวเองสักที
“พี่ยงกุกฮ่ะ!” เจโล่ทำหน้าไม่ถูกเพราะดูเหมือนยงกุกจะมองหน้าเขาแบบน้อยใจปนเศร้า
“พี่ทำอะไรให้เจโล่กับแม่โกรธหรอ? ทำไมถึงไม่อยากให้พี่อยู่ใกล้กับเจโล่อ่ะ??”
ยงกุกถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจสุดฤทธิ์
“คือผมมีอะไรต้องบอกพี่ยงกุกฮ่ะ!” ว่าแล้วเจโล่ก็มานั่งลงข้างยงกุก
ก่อนที่อีกคนจะเอียงตัวมากอดเขาเอาไว้แน่น
“จะขาดใจตายอยู่แล้วเนี่ย! ทำไมวันนี้เจโล่ใจร้ายกับพี่จังครับ?”
ว่าแล้วยงกุกก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้ใส่เจโล่บ้าง
แต่บังเอิญว่าไม่ได้น่ารักเท่าเวลาที่เจโล่ทำก็เท่านั้นเอง
“ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชายพี่ยงกุกจะทำยังไงฮ่ะ?” ยงกุกมองเจโล่แบบงงๆ
“ถ้าเกิดว่าผม...” เจโล่เงียบไปสักพักเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
“ถ้าไม่ใช่ผู้ชายก็เป็นผู้หญิงใช่ป่าว? งั้นยิ่งดีใหญ่เลยเราจะได้มีเจ้าตัวเล็กวิ่งรอบบ้านไงครับ!!”
ไม่ตอบอย่างเดียวเพราะยงกุกหอมแก้มขาวใสไปฟอดใหญ่
“แล้วถ้าผมเป็นผู้ชายแต่ท้องได้ล่ะฮ่ะ?” พอได้ยินแค่นั้นแหล่ะ
ยงกุกก็ถึงกับอึ้งรับประทานไปเลย ก่อนจะเผลอยิ้มกว้างใส่คนตรงหน้า
“ท้องได้ก็ดีสิครับ!! อ้อ..
พี่ลืมบอกเจโล่ไปเลยเห็นไหม? ยองแจกำลังท้องได้เดือนกว่าๆ
แล้วนะ แล้วฮิมชานกำลังวางแผนจัดงานแต่งงานด้วย” เจโล่ได้แต่ทำหน้าสงสัยจนยงกุกต้องหอมแก้มอีกฟอดเพื่อเรียกสติ
“ท้องได้ก็ดีไม่ใช่หรอครับ?” ว่าแล้วก็ไม่หยุดอยู่ที่หอมแล้ว
ตอนนี้ยงกุกกำลังจูบเจโล่ที่พยายามปกป้องตัวเองจากอีกคน
“วันนี้ผมไม่ให้จูบ!” เจโล่ดุยงกุกเสียงดัง
เพราะเขาไม่อยู่ในสภาวะที่จะเผลอตัวเผลอใจ
“ทำไมล่ะครับ?? พี่คิดถึงเจโล่จะตายอยู่แล้วเนี่ยเห็นไหม???”
ว่าแล้วยงกุกก็ทำท่าแบ๋วใส่เจโล่พร้อมริมฝีปากอวบหนาที่รวมตัวกันเป็นวงกลมแสนประหลาด
“ผมติดศึกวันแดงเดือดอยู่” พอได้ยินเจโล่พูดยงกุกก็งงสิคร๊าบ
“ฮือ??” ทำหน้าเอ๋อจนคนมองทนไม่ไหว
“เมนส์มา พอใจยัง?” ว่าแล้วก็ฟึดฟัดเดินหนีขึ้นห้องไป
“เจโล่เป็นเมนส์ งั้นก็ท้องได้ดิว่ะ!!” ว่าแล้วยงกุกก็กระโดดขึ้นลงไปมา
ทำเอาคุณนายชเวที่เดินมาดูนึกขำว่าที่ลูกเขย
นี่ขนาดยังไม่ท้องแค่รู้ว่าท้องได้ยังดีใจขนาดนี้เนี่ยนะ
ไม่อยากจะคิดสภาพว่าถ้าลูกชายฉันท้องขึ้นมาจะเป็นยังไง
“นี่พี่จะดีใจเกินไปไหมเนี่ยพี่ยงกุก?” เจโล่แอบกัดยงกุกที่ดูจะมีความสุขเกินเหตุ
“จะไม่ให้ดีใจได้ไงครับ พอรู้ว่ายองแจท้องปุ๊ปพี่ก็อยากให้เจโล่ท้องบ้างอ่ะ
ถ้าไม่ติดว่ายังงงอยู่ว่ายองแจท้องได้ไงอ่านะแต่ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้ว
สรุปก็คือเรามาทำลูกกันนะครับ!!!” แต่คำพูดของยงกุกเล่นเอาคุณนายชเวสะดุ้งโหย่งจนต้องรีบลงมาจากชั้นบนทันที
“ทำลูก! นี่ยงกุกคิดจะทำอะไรน้องกะนะฮ่ะ?”
ท่าทางของยงกุกที่คร่อมเจโล่อยู่เล่นเอาคุณนายชเวปี๊ดแตก
แล้วไหนยังจะมีบรรดาคุณน้าทั้งสามแล้วก็คุณชเวที่เดินเข้าบ้านมาพอดิบพอดี
เล่นเอายงกุกต้องกลืนน้ำลาย
“ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ว่าแล้วคุณนายชเวก็รีบมาคว้าตัวเจโล่ออกจากยงกุก
“ก็บอกแล้วไงว่าให้หมั้นกันเอาไว้ จริงๆ อยากจะจับแต่งซะเลยมากกว่า”
ยองเบพูดออกมาอย่างใจเย็น
ต่างจากคุณและคุณนายชเวที่ตอนนี้ดูจะโกรธยงกุกไม่ใช่น้อยเลย
“อธิบายมานะยงกุก ทำไมมาทำอะไรแบบนี้เนี่ย?” คุณนายชเวยังคงความดันพุ่งสูงทะลุเพดาน
เจโล่ที่เห็นว่ายงกุกกำลังโดนรุมอยู่คนเดียวก็รีบลุกพรวดพราดไปนั่งบนตักของยงกุกพร้อมเอาแขนตัวเองคล้องคอเอาไว้เสร็จสรรพ
ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทุกคนต้องอึ้งซึ่งรวมยงกุกด้วยเช่นกัน
“ผมจะอยู่กับพี่ยงกุก จะแต่งกับพี่ยงกุกแล้วก็จะมีลูกกับพี่ยงกุกด้วย
เพราะงั้นพ่อกับแม่ห้ามต่อว่าพี่ยงกุกแบบนี้นะฮ่ะ ห้ามมาว่าสามีผมเด็ดขาด!!!”
เออรับประทานกันทั้งบ้านสิครับงานนี้
สงสัยเจโล่จะโดนฮอร์โมนเล่นงานเอาซะแล้วสิ
“สามีของลูกงั้นหรอ?” คุณชเวที่ดูเหมือนจะรู้ตัวหน่อยๆ
ว่าลูกชายตัวเองหมายถึงอะไร
“แล้วไหนจะเรื่องท้องอะไรอีก? ใครจะท้องกับใครนะ??”
คนเป็นพ่อได้แต่ถามลุกอย่างใจเย็น
“ผมไปหาหมอแล้วหมอก็บอกว่าผมมีมดลูกแล้วก็ท้องได้ด้วยฮ่ะ!!” อึ้งได้อีกครับพี่น้อง ลูกชายของผมท้องได้เน้อ
ถึงจะบอบบางเหมือนผู้หญิงแต่ผมได้ลูกชายไม่ใช่รึไงฮือ?
“เห็นม่ะ บอกแล้วว่าให้หมั้นกันเอาไว้ แต่ตอนนี้สงสัยว่าคงต้องแต่งอย่างเดียวแล้วล่ะนะ!!!”
ยองเบยังคงย้ำเรื่องแต่งงานของทั้งคู่
“ก็ดีเหมือนกันนะฉันว่า จับแต่งมันทั้งสามคู่นั้นแหล่ะ ประหยัดดี
ไม่ต้องเปลืองหลายรอบด้วย” น้าแดซองเสนอออกมาเพราะว่ายังไงหลายชายที่มาจากไหนไม่รู้ก็กำลังจะไปขอเมียอยู่แล้วนี่หน่า
“แต่มันยังไงกันแน่ ทำไมเจโล่ถึงเรียกยงกุกว่าสามี??” คุณนายยังไม่อยากจะเชื่อที่ลูกชายตัวเองพูดสักเท่าไหร่
ส่วนยงกุกก็พูดอะไรไม่ออกเลยเป็นหน้าที่ของเจโล่ที่ต้องจัดการเรื่องนี้แทน
“วันที่ผมโดนพวกแก๊งค์ชินฮวาลวนลาม ผมไม่ชอบที่ผมโดนพวกนั้นมาแตะต้องตัว
ผมก็เลยขอให้พี่ยงกุกทำให้ผมลืมเรื่องพวกนั้น สรุปก็คือผมเป็นคนปล้ำพี่ยงกุกเองฮ่ะ
พี่ยงกุกเป็นของผมแล้วพ่อกับแม่ห้ามขัดใจผมเด็ดขาดไม่งั้นผมจะพาพี่ยงกุกหนีคอยดูสิ!!”
หลังจากปาระเบิดลงกลางวง
เจโล่ก็ดึงมือยงกุกให้เดินขึ้นไปบนห้องนอนด้วยกัน
ต่างจากคนอื่นที่กำลังช็อคสุดขีดที่ได้ยินว่าเจโล่ปล้ำยงกุก
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นครับ พี่เปล่าถูกปล้ำสักหน่อย?” ยงกุกอมยิ้มเพราะเจโล่ที่ทำอะไรแบบนั้น
รู้ว่าอยากจะปกป้องเขาแต่ถึงขั้นต้องพูดอะไรแบบนั้นนี่น่ารักชะมัดเลย
“ก็ถ้าไม่พูดแบบนั้นมีหวังพ่อกับแม่ได้เล่นงานพี่สิฮ่ะ
ก็ดันหลุดปากเรียกสามีไปแล้วนี่หน่า” ว่าแล้วด็นั่งจุ้มปุกบนโซฟาก่อนจะจ้องอีกคนที่เอาแต่ยืนมองอย่างมีเลศนัย
“จะมองผมแบบนั้นอีกนานไหมเนี่ย??” เจโล่กำลังเขินที่โดนจ้องนานๆ
“แต่งงานกันนะ ไม่ต้องรอให้สิบแปดแล้ว แต่งงานกันเถอะนะครับ!!!” เจโล่ได้แต่เบะปากอยากร้องไห้ ทำไมต้องมาขอผมแต่งงานวันนี้ ถ้าเป็นวันอื่นผมคงกระโดดกอดพี่แล้วก็จับกดซะเลย
แต่วันนี้ผมทไม่ได้นี่หน่า ว่าแล้วก็เริ่มร้องไห้จริงจังจนเสียงดังลงไปถึงชั้นล่าง
“เจโล่ร้องไห้ทำไมครับ พี่ขอเจโล่แต่งงานนะไม่ได้ขอเลิกสักหน่อย!!” ยงกุกก็งงสิคร๊าบ
“ทำไมมาขอแต่งงานตอนนี้เล่า ผมเป็นเมนส์อยู่นะ อยากให้พี่กอดก็ไม่ได้ด้วย
ฮือ!!!” คำพูดตระโกนโวยวายของเจโล่เล่นเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่รีบวิ่งขึ้นมาดูอึ้งไปกันใหญ่
“ที่รักจ๋า! สงสัยจะจริงแล้วล่ะที่ว่ายงกุกโดนปล้ำนะ!!!”
ก็แหม.. คำพูดของเจโล่นี่มันบ่งบอกออกขนาดนั้น
ว่าที่พ่อตาแม่ยายก็เลยต้องเดินลงบ้านไปอย่างปวดกะโหลก
“เป็นเมนส์แล้วพี่จูบเจโล่ไม่ได้หรอครับ แต่ก่อนพี่ยังทำแค่กอดเองนะ”
ว่าแล้วก็ดึงเจ้าตัวดีของเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่นเพื่อปลอบให้หยุดร้องไห้
ก่อนจะโดนโจมตีอีกรอบแบบไม่ทันตั้งตัว
“จูบผมหน่อยสิฮ่ะ ผมอยากให้พี่ยงกุกจูบผมแบบตอนนั้นอ่ะ” ยงกุกไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ติดเอาเองว่าคงจะเพราะจู่ๆ
เจโล่ก็มีมดลูดแถมตอนนี้ยังเป็นเมนส์อีก
งั้นก็คงจะเพราะฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านนั่นแหล่ะนะที่ทำให้เด็กน้อยของเขาเอาแต่ใจได้แบบนี้
“หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ พี่รักเจโล่ที่สุดเลยรู้ไหม?” ว่าแล้วก็ต้องปลอบใจสักหน่อย จูบอ่อนโยนที่คุ้นเคยทำเจโล่ใจเย็นขึ้นได้เยอะ
สัมผัสนุ่มนวลที่ยงกุกเคยมอบให้เป็นประจำทำให้เจโล่สงบลงได้ในที่สุด
ก่อนจะเปลี่ยนจากอารมณ์ขุ่นมัวมาเป็นออดอ้อนตามเดิม
ในที่สุดเจโล่ก็ซบหน้าลงบนอกอุ่นๆ
ของยงกุก ก่อนจะโอบกอดรอบคอหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
“เราแต่งงานกันนะครับพี่ยงกุก!!” ยงกุกที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหน้าบานปากฉีกถึงหู
“ครับผม! แต่งงานกับผมนะครับที่รัก!!!” จุมพิตถูกมอบให้กับหน้าผากสวยก่อนจะปล่อยให้หลับไปทั้งๆ อย่างนั้น
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น