uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 07 ความสัมพันธ์

            ระหว่างทางกลับบ้านที่ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ แต่ทั้งคู่ต่างก็เดินอย่างช้าๆ ไม่ใช่ว่าอยากจจะชื่นชมวิวทิวทัศน์ แต่เป็นเพราะอยากให้ถึงบ้านช้าอีกนิดก็ยังดี
“แล้วตอนเย็นจะทำอะไรดีล่ะฮ่ะ ไปหาซื้อมันหวานมาเผาดีไหมครับ ผมอยากกินอ่ะ” เจโล่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนเพื่อให้เขาคิดถึงเรื่องอื่นแทน
“อ่อ เอาสิ ไปหาซื้อมันหวานกัน” ผมรู้ว่าเจโล่กำลังเขินที่ต้องกลับไปอยู่บ้านด้วยกันสองคน ก็ที่บ้านมันแทบจะไม่มีอะไรให้ทำนอกจากนั่งดูทีวีหรือไม่ก็เปิดเพลงฟัง ซึ่งเพลงที่เขาฟังก็ไม่น่าจะเป็นเพลงที่เจโล่ชอบนักหรอก ก็มันมีแต่เพลงดิบๆ เถื่อนๆ ทั้งนั้น
“มันหวานๆ เผามันหวานกินกัน” แต่ยังไม่ทันจะจบเสียงฮัมเพลงแสนน่ารักของเจโล่ ก็ดันมีเสียงมือถือที่ชวนให้อารมณ์เสีย เพราะดันมาขัดจังหวะเวลาชื่นชมความงามที่อยู่เบื้องหน้าจนอยากจะขว้างไปให้ไกลตัว
“อะไรของมึง โทรมาไม่รู้จักเวล้ำเวลา! เดี๋ยวแม่งก็ฆ่าทิ้งซะนี้!!” เสียงของยงกุกไม่ได้ดังมากนัก แต่ถ้าความมาคุที่แฝงมาในน้ำเสียงเล่นเอาคนปลายสายเหงื่อตก
“กูแค่จะชวนมึงกินอะไรสักหน่อย ไม่ได้เจอหน้ามาพักใหญ่เลยนะมึง ลืมแล้วรึไงว่ากูก็เพื่อนเนี่ย มีโซจูแล้วก็เบียร์ด้วย แถมกูหอบหมูสามชั้นมาเป็นกิโลเลยมึง” เสียงจากปลายสายพยามยามจะทำให้เพื่อนหายโกรธ เพราะกลัวจะโดนฆ่าตายซะก่อน แต่ก็แอบงุนงง ว่ามันยุ่งอะไรของมันอยู่ ปกติไม่เห็นเคยมีอะไรให้ทำแล้ววันนี้มันก็ไม่ต้องไปอัดใครที่ไหนด้วยนี่หว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้
“กูรออยู่หน้าบ้านมึงนะ แล้วเจอกัน!” ตอบเสร็จก็รีบวางเพราะไม่อยากเว้นช่วงให้เจ้าของบ้านเขาปฏิเสธได้
“ใครโทรมาหรอฮ่ะ ทำไมพี่ยงกุกถึงได้โกรธขนาดนั้น?” ไม่ถามอย่างเดียวก็เจ้าตัวยุ่งดันทำแก้มป่องแถมเอียงหัวซะน่ารัก สงสัยจะกลัวยงกุกอารมณ์ไม่ดีก็เลยทำให้ใจชื่นขึ้นอีกนิด ส่วนยงกุกเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายหรอกแค่มันขัดใจที่ดันโทรมาตอนที่เขาอยู่กะเจโล่ก็เท่านั้น
นิ้วมือเรียวยาวของยงกุกจิ้มเข้าที่แก้มของเจโล่เพื่อให้เจ้าตัวเลิกป่วน เจโล่ที่เห็นว่ายงกุกอารมณ์ดีก็ยิ้มตอบอย่างสบายอารมณ์ ถึงแม้จะไม่ได้เดินจูงมือกันไป แต่บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองก็ทำให้คนที่มองเห็นอมยิ้มตามไม่หุบ ก็ภาพที่เห็นมันทำให้รับรู้ได้ถึงความสดใสและความอบอุ่น ถึงแม้ยงกุกมักถูกมองว่าเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ แต่รอยยิ้มของเจโล่ที่เดินไปพร้อมกันก็ทำให้คนอื่นลืมภาพปีศาจของยงกุกไปเสียหมด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครกล้ามองยงกุกตรงๆ เป็นแน่ เพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่ควรจะทำ
หลังจากการเดินหามันหวานมาสักระยะ ตอนนี้มือทั้งสองข้างของยงกุกก็เต็มไปด้วยเสบียงมากมายมหาศาล ก็เจโล่เล่นยืนกรานว่าในตู้เย็นของยงกุกไม่มีอะไรให้กินเลย เพราะงั้นก็เลยจัดการเลือกให้เสร็จสรรพ ส่วนเจโล่ที่อาสาจะช่วยถือยงกุกก็ยอมให้ถือแค่ถุงมันหวานเท่านั้น โดยยื่นคำขาดว่าถ้าเจโล่จะถือเขาจะเอาของทั้งหมดไปคืน ซึ่งก็ทำให้เจโล่ยอมเชื่อฟังได้ไม่ยาก
“หนักมากรึเปล่าฮ่ะ ให้ผมช่วยนะ” ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่ ฉันไม่ใจอ่อนกับนายเรื่องพวกนี้หรอกนะจะบอกให้
“งั้น.. พี่เอาไปคืนดีไหม?” แล้วเจ้าตัวยุ่งก็ทำหน้ามุ่ยใส่ เขาแค่อยากจะช่วยทำไมต้องขู่ตลอดเลย ของตั้งเยอะแยะแบกคนเดียวเข้าได้ยังไงก็ไม่รู้
“เฮ้ยยงกุก! นี่มึงลืมไปแล้วรึไงว่ากูรออยู่หน้าบ้านเนี่ย??” เสียงที่ลอยออกมาจากทางหน้าบ้าน ฟังดูคุ้นหูขิงเจโล่จนทำให้เจ้าตัวรีบวิ่งไปดู
“พี่ฮิมชานมาทำอะไรที่นี่ฮ่ะ?” ฮิมชานที่ตอนนี้กำลังงงตาแตกว่าเด็กน้อยน่ารักมากับยักษ์ได้ยังไง แล้วหัวที่หันซ้ายทีขวาทีก็ทำให้ยงกุกหมดความอดทน
“เจ้าของม้านั่ง มึงจะถามอะไรอีกไหม?” สีหน้าของยงกุกเอารู้ดีว่ายงกุกหมายถึงอะไร แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมถึงเป็นเจโล่ได้
“งั้นคนที่มารับเจโล่ทุกวันก็แกอ่ะดิ!” มันน่าสงสัยก็ตรงที่ส่วนใหญ่หลังเลิกเรียนเจโล่จะไปเล่นที่ร้านของเขา แต่เขากลับไม่เคยเจอยงกุกที่ร้านเลยสักครั้ง
“เอ่อ! แล้วไง กูไปรับเจโล่ไม่ได้รึไง” ยงกุกยังคงทำหน้าเบื่อหน่าย ไอ้คนไม่รู้จักกาลเทศะ
“พี่ฮิมชานเป็นเพื่อนพี่ยงกุกหรอฮ่ะ ไม่เห็นพี่ยงกุกพูดถึงเลย??” แล้วสายตาที่ต้องการคำตอบก็จ้องมาที่ยงกุก
“พี่ไม่อยากให้ไอ้ฮิมมันรู้ว่าเจโล่รู้จักพี่!
“ทำไมล่ะฮ่ะ รู้จักกับผมมันน่าอายรึไง?” คราวนี้งานเข้ายงกุกเต็มๆ เพราะเจ้าตัวยุ่งเดินสะบัดบ๊อบเข้าบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ.. กูมาผิดเวลาใช่มั้ยมึง???” ฮิมชานที่ตอนนี้เริ่มรู้ตัวว่ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ แถมยังจะมาทำให้เจโล่โกรธเพื่อนของเขาอีก งานงอกสิคร๊าบ
“มึงเอาของไปจัดให้กูที ให้เรียบร้อยด้วย!!!” เสียงลงท้ายนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าถ้าข้าวของไม่เรียบร้อยคนที่จะซวยก็คือตัวเขาเอง ฮิมชานจึงรีบย้ายสังขารไปจัดข้าวของตามคำสั่งของเพื่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะโทรไปเรียกอีกคนที่แกล้งป่วยให้ตามมาด่วน เพราะเขายังไม่อยากจะตายคนเดียวมันเหงา ไหนๆ ก็ไหนๆ หาคนมาร่วมชะตากรรมอีกสักคนก็แล้วกัน
“เฮ้ยแด้! มึงรีบมาบ้านยงกุกด่วนเลยนะมึง ถ้าไม่อยากให้เจ้านายมึงสิ้นใจซะก่อน” ปลายสายได้ยินดังนั้นจึงต้องรีบเหาะมาหาเพื่อนอย่างไว ก็ไอ้เพื่อนตัวดีดันพูดมาแบบนั้นก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่จะไปส่งคนที่ตัวเองอยู่ด้วยก็จะช้าไปกันใหญ่ งั้นเอาไปด้วยเลยแล้วกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

“เจโล่อ่า... พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” เจโล่ที่ตอนนี้กำลังน้อยใจเพราะคำพูดของยงกุก ไม่ยอมหันหน้ามาฟังคำอธิบายใดๆ เอาแต่ซุกหน้าลงบนเข่าเพราะว่าเขากำลังโกรธและไม่อยากเห็นหน้ายงกุก ยงกุกที่ได้แต่มองก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะเขาไม่ใช่คนอ่อนโยนก็อย่างที่รู้ๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป ยงกุกจึงทำได้เพียงลงไปนั่งอยู่ข้างๆ เจโล่โดยไม่พุดไม่จา รอให้อีกคนหายโกรธ แต่ยิ่งเห็นเจโล่ไม่ยอมเงยหน้ามาพูดกับตัวเอง ยงกุกที่เสียใจเช่นกันจึงพูดออกไปว่า
“พี่แค่อยากเก็บเจโล่เอาไว้คนเดียว ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าเจ้าของม้านั่งกลับมาแล้ว” เจ้าของม้านั่งอะไร เห็นพูดแบบนี้ตั้งแต่อยู่ที่ร้านของป้าอูฮยอนแล้วนะ
“เจ้าของม้านั่ง??” ตอนนี้เจโล่เงยหน้ามามองยงกุกแล้ว แต่ดูเหมือนความโกรธจะถูกแทนที่ด้วยความงงแทน เพราะกำลังทำตาปริบๆ อยู่
“ก็เจโล่ไง! ม้านั่งในสวนที่เจโล่ให้อมยิ้มกับพี่” ยงกุกตอบพร้อมกับความเศร้าที่ฉายขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง ทำเอาเจโล่รู้สึกแย่เพราะเขาเอาแต่ใจตัวเอง
“แล้วทำไมถึงไม่บอกพี่ฮิมชานล่ะฮ่ะ เวลาเจโล่ไปที่นั่นพี่ยงกุกจะได้ไปกับเจโล่ด้วยไง”
“พี่แค่อยากให้เวลาเจโล่ได้อยู่เล่นกับเพื่อนๆ บ้าง ก็เท่านั้นเอง” คำพูดของยงกุกทำให้เจโล่เข้าใจว่ายงกุกแค่อยากให้อิสระกับเขา ให้ได้อยู่กับเพื่อนๆ บ้าง แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมถึงไม่บอกว่ารู้จักกับพี่ฮิมชานที่เป็นเจ้าของร้าน
“ส่วนที่พี่ไม่บอกเรื่องไอ้ฮิม ก็เพราะพี่กลัวพี่กลัวเจโล่จะไปสนิทกับมันเพิ่มอีกคน พี่แค่อยากยึดเจโล่ไว้คนเดียวก็เท่านั้นเอง” เหตุผลของยงกุกเล่นเอาเจโล่ถึงกับเคลิ้ม เผลอมองยงกุกด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองหน้าร้อนฉ่า แต่ยังไม่ทันที่ยงกุกจะได้โน้มตัวไปทำสิ่งที่คิด ไอ้ตัวปัญญามันก็ตามมารังควาญจนได้
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูไม่ดังเปล่า เพราะไอ้คนเคาะมันดันทะลึ่งโผล่พรวดเข้ามาในห้อง
“ฉันจัดของเสร็จแล้วนะเว้ย! เมื่อไหร่ะออกไปสักทีว่ะมึง??” นี่มึงอยากตายจริงๆ ใช่ไหม ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เหยิน!
“นี่มึงจะก่อกวนชีวิตกูให้ได้ใช่ไหมไอ้เชี่ยเหยิน?” ยงกุกที่กำลังสติแตกเพราะโดนขัดจังหวะช่วงเวลาดื่มด่ำความหวานที่หอมรันจวนใจ แต่ก็ดันมีมารคอหอยมาทำลายบรรยากาศ
หมัก เข่า ศอก แถมฟาดกะโหลกเพื่อนต่ออีกหนึ่งที ก่อนที่เจโล่จะเดินออกมาจากห้องเห็นเหตุการณ์ที่ชวนให้น่าสงสารคนโดนกระทำยิ่งนัก ด้านฮิมชานเองก็เหมือนจะรู้จักเจโล่ดีเช่นกัน จึงรีบวิ่งมาหลบหลังเจโล่เพื่อขอความช่วยเหลือ
 “ฮ่ะๆ พอเถอะฮ่ะพี่ยงกุก เดี๋ยวพี่ฮิมชานก็ตายก่อนพอดี” สายตายงกุกมองฮิมชานอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันมามองเหราะกำบังที่ฮิมชานใช้ปกป้องชีวิตของเขา
“เห็นไหม? เจโล่เริ่มปกป้องมันแล้ว” แววตาของยงกุกบอกให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังน้อยใจที่เจโล่ไปเข้าข้างคนอื่นแทนที่จะเป็นเขา ถึงแม้เขาจะถูกรึผิดเจโล่ก็ควรจะอยู่ข้างเขาไม่ใช่รึไง
“พี่ฮิมชานห้ามกวนใจพี่ยงกุกอีกนะฮ่ะ! ไม่งั้นผมจะไม่ปล่อยให้พี่ยงกุกอัดพี่ตามใจชอบเลยคอยดูสิ” เหมือนจะรู้ว่ายงกุกน้อยใจเพราะเจโล่รีบเดินออกห่างจากฮิมชานแล้วก้าวยาวๆ ไปหายงกุกแทน แถมยังจะเอามือทั้งสองข้างจับที่แก้มของยงกุกอย่างเบามือ
“ส่วนพี่ยงกุกก็เลิกใช้กำลังได้ แล้วก็ยิ้มให้เยอะกว่านี้ด้วย!!!” มือที่วางเอาไว้เริ่มเปลี่ยนเป็นหยิกแก้มของคนตรงหน้าเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนเขาทำกัน แต่ที่ฮิมชานเห็นคือมันไม่ปกติอย่างแรงเพราะคนอย่างบังยงกุกเนี่ยนะจะยอมให้ใครมาหยิกแก้มแบบนั้นไม่มีทาง
“เฮ้ย! ไอ้ยงกุกแกอย่าเพิ่งฆ่าไอ้ฮิมตายนะโว๊ย!!!” เสียงลอยมาจากหน้าบ้าน เอาตรงๆ ก็น่าจะอยู่นอกรั้วด้วยซ้ำ แถมตอนนี้ก็มีสองคนมายืนหอบแฮ่กๆ อยู่ตรงประตูบ้านด้วย
“พี่แดฮยอน จองอบบี้!” เจโล่ไม่ได้ตกใจที่เจอแดฮยอนแต่ตกใจที่มาพร้อมกับจองอบมากกว่า
“เอ่อ ยังไม่มีใครตายใช่ไหม?” หน้าตาเลิ่กลั่กของแดฮยอนชวนให้คนเกือบชะตาขาดหลุดหัวเราะเสียงดังออกมา เพราะตอนนั้นเขาแค่เรียกแดฮยอนมาเผื่อนาทีฉุกเฉิน แต่ใครจะคิดว่ามันจะวิ่งตาเหลือกมาแบบนี้ แถมยังหอบเอาอีกคนมาด้วย
“พี่ยงกุกเป็นเพื่อนของพี่แดฮยอนกับพี่ฮิมชานหรอเจโล่?” จองอบที่งงไม่ต่างจากเจโล่ในตอนแรกเอ่ยถามออกมา
“พี่ก็ว่าจะเลิกกับไอ้สองคนนั้นเหมือนกัน วันนี้เลยดีไหม?” จองอบทำหน้างงเพราะตามไม่ทัน ส่วนเจโล่ที่พอจะเข้าใจอยู่บ้างก็เอาแต่หัวเราะแก้มปริ

ภายใต้บรรยากาศที่กำลังเป็นไปด้วยดี หมูสามชั้นที่กำลังถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ ส่วนของกินเล่นที่เหลือต่างถูกนำออกมาเตรียมพร้อมสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ นี้ แต่สำหรับฮิมชานแล้วมันชวนให้เหงาไม่น้อยเพราะดันอยู่ท่ามกลางคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างแดฮยอนกะจองอบ ส่วนยงกุกกะเจโล่ถึงจะยังไม่ไปไหนมาไหนแต่ก็เดาได้ไม่ยากถึงความรู้สึกของคนทั้งสอง แล้วทำไมเขาต้องมาเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวเช่นนี้กันนะ
ด้านเจโล่เองก็เหมือนจะรู้งานดี เพราะเขาพอจะดูออกว่าฮิมชานออกอาการเหงา เขาจึงแอบโทรไปชวนยองแจโดยไม่ปรึกษาใคร กะจะทำเซอร์ไพรส์ให้คนเหงาได้กระชุมกระชวยขึ้นมาหน่อย ส่วนยงกุกเองก็คงพอจะเดานิสัยเจโล่ออกก็เลยปล่อยไปตามน้ำยังไงก็ขัดไม่ได้อยู่ดี อันที่จริงก็แค่อยากจะเนียนๆ เรื่องที่ทำให้เจโล่โกรธ
“หวัดดีฮ่ะ!” เสียงของคนที่เขากำลังคิดถึงลอยมาจากประตูบ้าน ฮิมชานถึงกับกระโดดเข้าใส่พร้อมกับอุ้มยองแจซะตัวลอย
“ทำไมพี่อยู่นี่ได้อ่ะ? แล้วทำไมทุกคนก็อยู่นี่ล่ะ??” ยองแจที่มาถึงแบบงงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะฮิมชานทั้งดึงทั้งลากให้เขามานั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะป้อมนู่นป้อนนี่ไม่ยอมหยุด เอาง่ายๆ ก็ปากไม่วางจะอ้าถามใครนั่นแหล่ะ เล่นยัดซะเต็มปากจนแก้มจะแตก
“แค่กๆๆ” ดันสำลักความเลี่ยนของฮิมชานกะยองแจเข้าไปเต็มๆ เจโล่ที่กำลังจะตายเพราะอาหารติดคอเลยขว้าเอาแก้วที่วางอยู่ข้างตัวซดเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นโซจูก็ตอนที่ผ่านคอเข้าไปแล้ว ยงกุกที่ดึงมือไว้ไม่ทันก็ต้องมึนอีกรอบเพราะเจ้าตัวยุ่งของเขาดันซดโซจูของเขาไปเกือบหมด แต่ก็ต้องรีบหน้าน้ำเปล่าให้ดื่มเพราะเจโล่เริ่มทำหน้าเหยเกเพราะโซจูบาดคอเข้าให้
“จะเป็นไรไหมเนี่ย? กระดกเข้าไปขนาดนั้นนะ??” ฮิมชานที่เป็นห่วงอย่างจริงจังเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนอกจากเขา ยงกุกและแดฮยอนแล้ว สามคนที่เหลือก็เพิ่งจะเป็นเด็กม.ปลายได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
“แล้วยังงี้จะบอกพ่อแม่น้องมันยังไงว่ะ? มีหวังโดนด่าเช็ดแน่งานนี้” แดฮยอนบ่นออกมาเพราะเป็นห่วงไอ้เพื่อนยากที่จะต้องไปส่ง แต่ยังไม่ได้คำตอบจากยงกุก คนดื่มเหล้าครั้งแรกก็โพล่งออกมาพร้อมยิ้มหวานระลายน้ำแข็งขั้วโลก
“ไม่ต้องห่วงฮ่ะ อึ๊ก! วันนี้เจโล่นอนกับพี่ยงกุกฮ่ะ อึ๊กๆ!!” ความตอบของเจโล่ทำเอาทุกคนต่างพากันหันมามองยงกุกตาเขียว ว่าเหตุใดไฉนเลยเจโล่ถึงจะนอนค้างที่นี่
“อย่ามามองฉันแบบนั้น เจโล่ขอพ่อกับแม่ไปเที่ยวกับฉัน แต่พอไปรับก็ดันบอกว่าอยากมาเล่นที่บ้านฉันนี่แหล่ะ หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็น!” จบประโยคด้วยถ้อยแถลงที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าถามต่อ ถึงแม้จะแอบมองหน้าคู่ของตัวเองแบบงง
แต่ที่ดูจะงงกว่าใครเพื่อนก็ต้องยกให้ฮิมชานที่รู้จักยงกุกมานานกว่าใคร และใช่เขารู้ดีเช่นกันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาใครที่ยงกุกคิดถึงมาตลอดต้องการมาตลอด นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นห่วง เพราะเขากลัวว่ายงกุกจะรวมเอาความรู้สึกอ่อนแอแบบนั้นมาปนเปจนเผลอไปทำร้ายเจ้าตัวยุ่งที่ตอนนี้เริ่มจะเมานิดๆ ทำไมเขาถึงคิดไม่ออกว่าชื่อ เจโล่ เขาเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ตอนที่เด็กคนนี้แนะนำตัวกับเขาตอนเจอกันครั้งแรก

“เฮ้ย! นี่มึงจะดื่มให้ได้โล่รางวัลรึไงว่ะ แม่ง! เดี๋ยวก็โดนด่ากันพอดี” ในตอนนั้นพวกเรายังเรียนอยู่ม.ปลาย จริงๆ ก็ปีสุดท้ายแล้ว แต่อายุก็ยังไม่อำนวยให้ดื่มอยู่ดีนั่นแหล่ะ
“ทำไมเด็กคนนั้นไม่เคยกลับมาอีกเลยว่ะ?” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพูดถึงเด็กคนนั้น น่าจะครั้งที่ร้อยได้แล้ว ตั้งแต่ที่มันอยู่ตัวคนเดียวก็มีผมที่คอยดูแลอีกแรง ชีวิตมันมีอยู่ไม่กี่อย่าง ชกต่อย เมา แล้วก็เพ้อถึงเรื่องอมยิ้มของเด็กที่ชื่อเจโล่
“เฮ้ย! ดูสิว่ะว่าลูกหมาที่ไหนมันมาเมาอยู่แถวนี้” เสียงที่ลอยมาไม่ใช่จากใครที่ไหนแต่เป็นพวกนักเลงรองบ่อน ฝีมือก็ไก่กาถ้าเทียบกับเพื่อนของเขา แต่ตอนนี้ยงกุกดื่มจนไม่ได้สติ ไม่ใช่ว่าเขาจะสู้ใครไม่ได้เวลาเมา แต่มันมีปัญหาตรงที่เวลามันเมามันจะเล่นงานทุกคนที่ดาหน้าเข้ามาโดยไม่สนว่าจะทำให้ใครอาการปางตายแค่ไหน
“พวกเมิงดูสิว่ะ ไอ้ลูกหมากำลังเมาหัวทิ่มเลยเว้ยเฮ้ย!!!” พวกมันไม่พูดเปล่า แต่คว้าคอเสื้อของยงกุกขึ้นไปด้วย เรื่องที่ผมกลัวมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
“อย่ามากวนตีนกูอีก แต่ถ้าอยากตายก็ค่อยมา!!!” สิ้นสุดคำพูด ยงกุกก็ประทานฝ่าเท้าเข้าที่ปลายคางของผู้โชคร้ายที่สุดของค่ำคืนนี้
ทั้งที่มันอัดคนไปนอนกองได้ตั้งเยอะแยะ แต่เสือกไม่มีเรี่ยวแรงหอบสังขารกลับบ้านเอง และนั่นก็เป็นหน้าที่ของผมอีกเช่นกัน แถมกว่าจะเอามันมาถึงบ้านได้ก็โคตรจะเหนื่อย
“กูทำอะไรผิด? ทำไมคนที่กูรักถึงทิ้งกูไปหมดแบบนี้?” แล้วจะให้กระผมตอบมันยังไง
“แล้วเด็กคนนั้นหายไปไหน เจโล่หายไปไหน?? กูไปที่นั่นเกือบทุกวันแต่ก็ไม่เคยเจอเลยสักวัน กูแค่อยากจะเจอเด็กคนนั้นอีกครั้ง กูอยากเห็นรอยยิ้มของเจโล่ กูอยากได้อมยิ้มของเจโล่ มึงหาเจโล่ให้กูทีไอ้ฮิม มึงพาเจโล่มาหากูที ฮือๆๆๆ” ยงกุกที่อัดคนให้ปางตายได้อย่างไม่รู้สึกรู้สมกำลังร้องไห้อย่างน่าเวทนาที่สุด สองมือที่เกาะกุมไว้รอบหน้าอก น้ำเสียงสะอื้นที่ถูกปล่อยออกมาไม่ขาดสาย น้ำตาที่ไหลมากพอจะทำให้เปียกปอนไปทั้งเสื้อ ผมที่ทำได้เพียงแค่นั่งมองและตบหลังอย่างเข้าใจ แต่ผมจะไปพาเด็กคนนั้นมาจากไหนให้มันกันแม้แต่หน้าผมเองก็ไม่เคยเห็นรู้แค่ว่าชื่อเจโล่

“ดูแลเจโล่ด้วยนะครับพี่ยงกุก” จองอบยังคงสุภาพเช่นเคย
“พี่ห้ามรักหลับเพื่อนผมนะ!!” นั้นไง ยองแจที่รักอย่าพูดแบบนั้นกับเพื่อนพี่สิครับ
“ยองแจแค่พูดเล่นนะ แกอย่าคิดมากเลยยงกุก” แก้ตัวไว้ก่อน เอาตัวรอดไว้เป็นดี
“รู้แล้ว! พวกแกก็กลับกันดีล่ะ!!” นั่นไง สายตาไอ้ยงกุกมันมองมาทางผมกับยองแจ
“แล้วก็ยองแจ! อย่ายอมให้ไอ้ฮิมง่ายนักรู้ไหม มันชอบฟันแล้วทิ้ง!!!” นั่นไงเพื่อนกู เอาระเบิดลงกูแล้วไหมคร๊าบ ว่าแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมากะทันหัน
“งั้นไปแล้วนะยงกุก” แดฮยอนเอ่ยลาเพราะกลัวจะโดนเล่นงานอีกคน ถึงกับพูดเพราะขึ้นมาเลย ไม่มีคำว่า ไอ้ นำหน้าชื่อของยงกุกด้วย และยงกุกก็รู้ดีว่ามันกำลังเลี่ยง
“เอ่อ กลับดีๆ แล้วกัน ส่งจองอบให้ถึงบ้านด้วยนะเว้ย!” มันยังอุตส่าจะลงระเบิดลูกเล็กๆ ให้ผมอีก ทั้งที่ผมทำตัวดีแล้วแท้ๆ นะ ว่าแต่มันเถอะคงไม่เผลอทำอะไรเจโล่หรอกใช่ไหม?

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น