ในตอนนี้ทุกคนถูกเรียกให้มารวมกันในห้องโถงใหญ่
ที่ดูแล้วปกติน่าจะเป็นส่วนที่ใช้ต้อนรับบรรดาลูกค้าของบ่อนนั่นเอง
ซึ่งไม่ได้มีแค่ลุงมินซูกับเด็กๆ ทั้งหก
แต่รวมไปถึงทุกคนในแก๊งค์ซึ่งถูกเรียกให้มาฟังข่าวดีของลุงมินซู
“ลุงจะเรียกทุกคนมาฟังทั้งที่ยังไม่ตรวจดีเอ็นเอเนี่ยนะ?”
ยงกุกมองหน้าลุงมินซูแปลกๆ
เพราะเขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่
“ก็ฉันจะบอกใครจะทำไม อีกอย่างตอนหนุ่มๆ
ฉันก็หล่อแบบแดฮยอนเนี่ยแหล่ะ” ยงกุกดูจะเซ็งกับคนเห่อลูกไม่น้อย
“ฉันมีอะไรจะบอกพวกแกทุกคน!!” บรรดาลูกน้องพากันทำหน้างงแล้วก็ซุบซิบถามกันไปมาจนยงกุกรำคาญ
“เฮ้ยเงียบ!!” เขาไม่ชอบที่ทุกคนไม่หยุดฟังแต่โดยดี
จนเจโล่ต้องจับแขนยงกุกเอาไว้
“เอาล่ะ เด็กคนนี้ชื่อแดฮยอน
เขาคือลูกชายของฉันที่เมียรักผู้หอบข้าวของหนีไปดันใจร้ายไม่บอกฉันสักคำว่าฉันมีลูก
แต่ตอนนี้ฉันกูมีลูกชายแล้วอย่างที่พวกแกเห็น
เป็นน้องชายของยงกุกและเป็นเพื่อนสนิทของเขาด้วย
ต่อจากนี้ไปพวกแกต้องทำตัวยังไงคงรู้ใช่ไหม??” น้ำเสียงลงท้ายของลุงมินซูดูจะข่มขู่คนฟังไม่ใช่เล่น
เพราะทุกคนต่างพากันโค้งคำนับลูกพี่อีกคนของแก๊งค์
“ฉันไม่ยอมให้ลูกชายของฉันมาทำงานแบบนี้หรอกนะอีตาบ้ามินซู!!!”
เสียงหนึ่งตะโกนออกมาจากเจ้าของเส้นเสียงที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“เมียจ๋า!!” ลุงมินซูร้องออกมาทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนร้องประท้วง
“ดีนะที่ยายยูริโทรบอกฉัน
กล้าดียังไงจะเอาลูกชายของฉันมาเข้าแก๊งค์เนี่ยอีตาบ้า!!” แดซองผู้มาใหม่ยังคงโกรธเกรี้ยวใส่มินซูไม่ยั้ง
ทั้งที่ฉันอุตส่าเฝ้ามองคุณอยู่ห่างๆ
หวังว่าวันหนึ่งคุณจะเลิกเป็นนักเลงบ้าบออะไรนี่
แต่ตอนนี้ดันจะมาลากลูกชายของฉันไปเป็นนักเลงด้วยอีกคน
รู้อย่างนี้ไม่ปล่อยให้สองคนนี้เจอกันก็ดีหรอก
“เมียจ๋า หายไปไหนมา??” ลุงมินซูมีสถาพไม่ค่อยต่างจากแดฮยอนเวลาจองอบโกรธสักเท่าไหร่เลย
เพราะดูท่าจะกลัวเมียไม่น้อย
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเมีย!! ฉันไม่อยากมีผัวเป็นนักเลงย่ะ” แดซองที่ดูจะน้อยใจสามีสุดที่รักไม่หายก็เริ่มระเบิดอารมณ์ใส่มินซูต่อหน้าทุกคน
“แล้วแม่มานี่ได้ไง
อย่าบอกผมนะว่าตลอดมาแม่รู้ว่าพ่อผมอยู่ไหนแต่ไม่เคยบอกผมเนี่ยนะ??” แดฮยอนที่ตอนนี้ยังคงไม่เข้าใจแม่ของเขาอยู่เป็นฝ่ายตัดพ้อออกมาบ้าง
“แม่แค่รอให้พ่อของลูกเลิกเป็นนักเลงเราจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันไงลูก
แต่พ่อของแกไม่เลิกสักทีเองนี่!!” ช่างเป็นบทสนทนาที่ทำให้ปวดหัวเสียจริง
นี่มันเรื่องครอบครัวของลุงไม่ใช่รึไงแล้วทำไมฉันต้องมาฟังด้วยว่ะ
“พอเถอะครับ!! เอาเป็นว่าต่อจากนี้ลุงก็วางมือแล้วกลับไปหาเมียลุงซะ
เรื่องในแก๊งค์ก็ให้คนอื่นๆ ช่วยดูแล แล้วแดฮยอนก็มาช่วยงานที่นี้
ผมจะได้สอนงานให้จะได้รู้ว่ามีอะไรที่ต้องทำบ้าง ส่วนคุณซึ่งตอนนี้ผมคงต้องเรียกว่าป้าก็ช่วยใจเย็นนิดๆ
ยังไงตอนนี้ก็มีลูกน้องของลุงอยู่ด้วย ช่วยไว้หน้ากันนิดนึง! อีกอย่างถ้าจะทะเลาะกันเรื่องในอดีตช่วยไปทะเลาะกันเงียบๆ
เพราะผมรำคาญขี้เกียจจะฟังเต็มที!!!” ยงกุกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกลับไปทุกพื้นที่
ทุกคนไม่มีใครกล้าค้านการตัดสินใจนี้
แม้แต่ลุงมินซูของเขาหรือแม้แต่ป้าแดซองที่เพิ่งจะเป็นป้าของเขาได้ไม่นาน
“ได้ยินที่ลูกพี่พูดแล้วนี่
งั้นก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว!!” มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยลอยออกมา
และคนที่กำลังบอกทุกคนอยู่ก็ไม่ใช่ใครนอกไปจากฮยองซิก
ผู้มาพร้อมผ้าพันรอบศรีษะบ่งบอว่าหัวแตกมาแน่ๆ กับแขนที่ถูกดามห้อยคอเอาไว้
ถึงไม่ใช่เฝือกแต่ดูท่าก็คงจะเจ็บไม่น้อย
“มาได้จังหวะเลยนะแกเนี่ย!!” ยงกุกพูดกับฮยองซิกแบบติดขำเล็กน้อย
เพราะเมื่อครู่เขาเกือบจะระเบิดอารมณ์อยู่แล้วเชียว
และก็เหมือนทุกครั้งคนที่ตามอารมณ์ของยงกุกได้ดีที่สุดคือฮยองซิก เพราะงั้นจึงเป็นฮยองซิกที่จะส่งสัญญาณเตือนทุกคน
“ถ้าผมมาช้า พี่อาจโมโหจนควันออกหูก็ได้นี่ครับ”
เจโล่ที่เห็นฮยองซิกก็หลบไปอยู่หลังยงกุกทันที
ถึงเขาจะเป็นห่วงฮยองซิกแต่ก็ไม่ค่อยอยากเจอหน้าเท่าไหร่
เพราะฮยองซิกทำให้เขากับยงกุกทะเลาะกันบ้านแทบแตก
“ยังโกรธพี่อยู่ใช่ไหมเจโล่ พี่ขอโทษนะ! ยกโทษให้พี่ได้ไหม?” ฮยองซิกสำนึกผิดตั้งแต่ที่เขาเห็นว่าเจโล่ร้องไห้มากขนาดไหนในตอนที่ผิดใจกับยงกุก
“พี่จะเป็นพี่ชายของเจโล่
จะไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว ขอสัญญา!!” เขาไม่ได้โกหกเพราะในตอนนี้ฮยองซิกกำลังกังวลเรื่องของอีกคนอยู่
หลังจากเช้าวันนั้นที่ชีวานเดินออกจากห้องไป
ฮยองซิกไม่เจอชีวานอีกเลยไม่ว่าจะเป็นที่ผับหรือที่ทำงานของชีวาน
ทุกคนบอกกับเขาว่าชีวานลาออกไปแล้ว เขาที่ทำอะไรไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
เขาที่ทำร้ายคนที่ดีกับเขามาตลอด ในตอนนี้เขาอยากจะเจอชีวานอีกครั้งเพื่อขอโทษ
“ทำไมถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะฮ่ะ
ผมยกโทษให้ก็ได้แต่พี่ฮยองซิกห้ามคิดอะไรแบบนั้นกับผมอีกนะฮ่ะ
ไม่งั้นผมจะปล่อยให้พี่ยงกุกอัดพี่จริงๆ ด้วยนะจะบอกให้” คำพูดของเจโล่ทำให้ทุกคนขำจนท้องแข็ง
ก็ตอนนี้เจโล่เริ่มจะติดนิสัยไม่ดีมาจากยงกุกซะแล้วสิ
มีเพียงลุงมินซูที่วิ่งตามแดซองออกมาที่ด้านนอก
“เมียจ๋า จะหนีพี่ไปไหนอีก?” ลุงมินซูผู้หน้าเกรงขามในตอนนี้หมดสภาพเพราะกำลังวิ่งตามง้อเมียอยู่
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเมียเลยนะอีตามินซูบ้า”
แดซองไม่พูดเฉยเพราะมือทั้งสองกำลังกระหน่ำตีมินซูอย่างเมามันส์
“โถ่ๆ
จะยอมให้เมียตีทั้งวันก็ได้แต่พี่คิดถึงเมียใจจะขาดอยู่แล้วนะรู้ไหม??” ลุงมินซูกัดริมฝีปากโชว์เมียก่อนจะแบกแดซองที่โว้ยวายลั่นขึ้นบ่าพร้อมกับตีบั้นท้ายงามๆ
ไปหนึ่งที
“ปล่อยฉันนะตาบ้า!!!” แดซองพยายามตะโกนโวยวายสุดฤทธิ์
แต่มีรึที่แดซองจะต้านทานอารมณ์รักของผู้เป็นสามีได้
ไม่นานนักแดซองกูถูกอุ้มไปที่ห้องพักของลุงมินซู
ก่อนจะถูกมอบความรักความคิดถึงที่มีอยู่เต็มเปี่ยมให้อย่างหนำใจ
ส่วนแดซองที่ดูจะยังรักอีกคนไม่จางก็ยอมให้ในที่สุด
“เมียจ๋า ทำน้องให้แดฮยอนอีกคนดีไหมเรา??”
ลุงมินซูกำลังถามเมียรักก่อนจะทำตามใจตัวเองอีกรอบ
“เฮ้ยไอ้แด้!! ไม่คิดจะไปดูแม่แกหน่อยหรอว่ะ?”
ฮิมชานถามออกมาจนโดนแดฮยอนจ้องเขม็งใส่
“ไม่อยากจะสนใจสองคนนั้นแล้ว
จู่ก็จะกลับมาคืนดีกันเนี่ยนะ ถ้ารักกันขนาดนั้นจะทิ้งมาทำไมว่ะ
กูไม่เข้าใจแม่กูจริงๆ” แดฮยอนตอนนี้กำลังหัวเสียและโมโหคนสองคนที่
อยากจะเลิกก็เลิกแต่บทจะคืนดีกันมันง่ายไปหน่อยไหม??
“พี่แดฮยอนฮ่ะ” จองอบได้แต่ปลอบให้แดฮยอนสบายใจขึ้นเท่านั้น
เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าที่พ่อแม่สามีสักเท่าไหร่หรอกนะ
“อย่างน้อยก็คืนดีกันนี่หน่าอีพี่ดำ
พ่อแม่กลับมารักกันมันไม่ดีตรงไหนฮ่ะ?” ยองแจพูดออกมาจนทำให้แดฮยอนเซ็งเข้าไปใหญ่
“ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่งงว่าจะเลิกกันทำไม??”
สิ่งที่แดฮยอนสงสัย มีหนึ่งคนที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี
“ผมว่าผมเข้าใจนะฮ่ะ” เจโล่ที่เงียบมาได้สักพักก็ตอบออกมา
“เพราะไม่อยากเห็นคนที่ตัวเองรักบาดเจ็บ
ไม่อยากเห็นเขากลับมาในสภาพที่มีแผลเต็มตัว ไม่อยากจะคอยกังวลว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขารึเปล่า
นั่นคงเป็นสิ่งที่แม่ของพี่คิดฮ่ะ” เจโล่ตอนนี้ไม่ได้แดฮยอนแต่คนที่เขาจ้องมองอยู่คือยงกุก
สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลถูกส่งไปให้อีกคน
“พี่สัญญา พี่จะไม่ทำให้เจโล่เป็นห่วงครับ
แต่ตอนนี้พี่ต้องช่วยลุงไปก่อนนะ!” เจโล่เข้าใจสิ่งที่ยงกุกพูดมา
แต่เขาก็ยังคงห่วงยงกุกอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงพี่ยงกุกหรอกนะเจโล่
พี่นะคอยคุ้มกันพี่ยงกุกให้เอง!” ฮยองซิกไม่เคยให้ยงกุกต้องฉายเดี่ยว
เขาคือคนที่คอยระวังภัยให้ยงกุกเสมอมา
“เห็นไหม? มีพี่ฮยองซิกคอยช่วยด้วยนะเจโล่
อีกอย่างหนึ่งพี่ยงกุกนะสู้เก่งสุดๆ เลยแหล่ะ
คนที่สู้พี่ยงกุกได้นะแทบจะหาไม่เจอเลยด้วยซ้ำไปนะ” ยองแจพูดให้กำลังใจเจโล่อีกแรง
แต่ในระหว่างที่กำลังพูดคุยไปมา
ก็มีลูกสมุนวิ่งเข้ามาพร้อมกับเอกสารชุดหนึ่งในมือ
“พวกเราไปสืบมาแล้วครับ
คิดว่าน่าจะเป็นพวกของแก๊งค์ชินฮวาที่มาหาเรื่องเมื่อครั้งก่อน
แต่คราวนี้ที่มาเป็นคนของหัวหน้าใหญ่อีกคน
เห็นบอกว่าพวกมันจะมาเอาคืนที่ทำให้ไอ้จุนจินเป็นบ้านะครับ”
จุนจินที่เกือบจะโดนยงกุกฆ่าตาย
ในตอนนี้ได้กลายเป็นคนหวาดกลัวไปแล้ว
จากที่เป็นถึงระดับหัวหน้าแต่ก็ต้องยอมแพ้ต่อปีศาจที่เขาเห็น สิ่งหนึ่งที่ยงกุกมักจะทิ้งเอาไว้นอกเหนือจากความเจ็บปวด
คนที่สู้กับยงกุกในโหมดไร้สติมักจะจบลงไม่ต่างกัน คือคนๆ นั้นจะกลายเป็นคนขี้กลัว
หวาดระแวงต่อทุกสิ่งเข้าขั้นโรคประสาทอ่อนๆ เลยทีเดียว
“แล้วพวกที่บุกมาบ้านฉันก็พวกนี้ใช่ไหม?”
ยงกุกถามลูกสมุนด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ครับ! แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ระดับหัวหน้าใหญ่หรอกครับ”
ยงกุกพยักหน้ารับฟังก่อนจะสั่งให้ไปสืบข้อมูลมาเพิ่ม
“พี่ยงกุกยังจะไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีกหรอครับ?”
เจโล่ในตอนนี้กำลังกังวลมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
เพราะดูเหมือนเรื่องคงยังไม่จบแค่เท่านี้
“นี่คือโลกที่พี่ได้เข้ามาอยู่แล้วนะเจโล่
และพี่ก็คงจะออกจากมันไปตอนนี้ไม่ได้ด้วย
จนกว่าพี่จะแน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครมายุ่งกับพวกเราอีก” ยงกุกต้องการจะจัดการให้ถึงที่สุด
หรืออย่างน้อยก็ทำให้คนพวกนั้นไม่มายุ่งย่ามในชีวิตของเขาอีกเลย
“แต่ว่า..” เจโล่กำลังสะอื้นร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่สามารถความคุมความสุขมากมายของตัวเองในตอนนี้ได้
“ไม่ต้องห่วงนะครับเจโล่
พี่จะหยุดหลังจากทุกอย่างมันจบแล้ว ตกลงไหมครับ??” ยงกุกเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มสวยก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากขาวเพื่อปลอบโยนอีกคนที่กำลังเป็นห่วงตนอยู่
“สัญญานะฮ่ะ ว่าพี่ยงกุกจะไม่บาดเจ็บนะ สัญญาสิฮ่ะ!”
เจโล่ต้องการให้ยงกุกสัญญา
ถึงมันจะเป็นเพียงถ้อยคำที่เชื่อถือไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็อยากได้ยินมัน
“สัญญาครับ” ยงกุกพูดกับเจโล่อย่างอ่อนโยนก่อนจะดึงเจโล่เข้ามากอดไว้แน่นเพื่อให้อีกคนคลายกังวล
และเพื่อให้ตนเองได้รับความเข้มแข็งจากอ้อมกอดของเจโล่ด้วย
ทุกคนที่กำลังมองดูภาพสองคนนี้อยู่คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“นี่มันจะรักกันมากเกินไปแล้วนะเว้ย!!!”
ฮิมชานพูดแขวะออกมา
เพราะเขากับยองแจไม่ค่อยหวานใส่กันแบบนี้เท่าไหร่
แถมในตอนนี้เขาเองก็ยังติดทันบนอยู่ด้วย
“ถ้าอิจฉามากขนาดนั้นก็กอดเมียแกดิว่ะไอ้เหยิน”
คำพูดของยงกุกฟังดูดีจนฮิมชานอดยิ้มไม่ได้
แต่ยังไม่ทันได้หันไปกอดยองแจก็เป็นฝ่ายดึงเขาไปกอดแทนซะแล้ว
“ก็อ่อนโยนกับผมแบบนั้นบ้างสิ” ยองแจจิกกัดฮิมชานพอเป็นกระสัย แต่ก็ยังกอดฮิมชานเอาไว้แน่น
ต่างจากจองอบที่เหมือนจะไม่ยอมให้แดฮยอนกอด
“กอดเฉยๆ นะ” จองอบพูดอย่างอายๆ
ทั้งที่ผ่านมาเขาหื่นใส่แดฮยอนตลอด แต่พอโดนแดฮยอนหื่นใส่บ้าง
เขาก็ได้รู้ว่าอย่าทำให้แดฮยอนหื่นจะดีกว่าเป็นไหนๆ
“ไม่รุนแรงแบบเมื่อคืนแล้วครับ
สุดหล่อคนนี้จะนุ่มนวลนะครับจองอบ!!” จองอบได้แต่เอามือผลักหน้าแดฮยอนออกห่างๆ
เพราะเขาออกจะเขินเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น
ถ้าผมไม่ใจร้ายกับพี่แบบนั้น
วันนี้พี่ก็คงจะอยู่ข้างกายผมแบบคู่อื่นใช่ไหม พี่ชีวาน!!
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น