“รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยนะฮ่ะพี่ฮิมชาน
ผมอยากไปเยี่ยมพี่ยงกุกอ่ะ” ตั้งแต่ตื่นยองแจไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลย
พูดแต่ว่าถ้าไม่หยุดจะฟ้องยงกุกแล้วไอ้ยงกุกมันเกี่ยวอะไรคร๊าบ
“ทำไมต้องอยากไปเยี่ยมมันด้วย?”
ผมเองสงสัยอยู่บ้างเพราะดูเหมือนยองแจจะรู้จักยงกุกอยู่ไม่น้อยเลย
“พี่ยงกุกเคยช่วยผม
เพราะงั้นผมก็ต้องเป็นห่วงพี่เขาเป็นธรรมดานี่” เคยช่วยอะไร ทำไมกระผมไม่รู้เรื่อง
“ไม่ต้องมามองหน้าแบบนั้นเลยนะ”
สงสัยว่าผมจะจ้องยองแจมากไปหน่อย ก็เลยทำให้โดนดุเล็กน้อยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผมที่จะโดนยองแจบ่นใส่อยู่บ่อยๆ
แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ
“ถ้าขึ้นเสียงพี่จะจับกดนะ!” แก้มป่องสะบัดบ๊อบแล้วก็เดินออกจากห้องไป แหมๆ
ใจจริงก็อยากจะจับกดอีกสักรอบอ่านะ แต่ยองแจไม่ยอมให้เขาอ่ะ
ว่าแล้วฮิมชานก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามยองแจไปชั้นล่าง
ส่วนยองแจทันทีที่ได้ยินเสียงของฮิมชานเดินลงมาก็รีบเอาส้อมมาถือไว้ในมือ
ส่วนมืออีกข้างกำลังถือแก้วน้ำส้มอยู่
คงคิดว่าอย่างน้อยส้อมก็พอจะทำให้ฮิมชานกลัวได้บ้างล่ะมั้ง
“เอาส้อมมาขู่พี่แบบนี้ไม่ดีน่ะที่รัก”
ว่าแล้วฮิมชานก็พุ่งใส่ยองแจก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ตั้งรับ
มือทั้งสองข้างของฮิมชานจัดการกับของในมือยองแจได้เป็นอย่างดี
เขาเลือกที่จะเอาแก้วน้ำส้มวางลงก่อน ก่อนจะดึงเอาส้อมออกทีหลัง
ยองแจที่สู้แรงของฮิมชานไม่ได้ก็ได้แต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ผมจะฟ้องพี่ยงกุกจริงๆ
นะ” ตาสวยกำลังมองค้อนใส่ฮิมชาน
“พี่แค่จูบก็ไม่ได้หรอ
ยองแจอ่า” ว่าแล้วคนกำลังค้อนใส่ก็โดนจูบของริมฝีปากจอมตะกล่ะเข้าเล่นงาน
ร่างกายที่ผ่านศึกหนักมาไม่มีแรงพอจะต่อสู้กับอีกคนที่ดูจะมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนกัน
“อื้อ..”
ยองแจที่กำลังจะขาดใจตายเพราะอากาศหมดก็ต้องส่งเสียงประท้วง
ฮิมชานจึงยอมถอนริมฝีปากออก แล้วยองแจก็ต้องอายเพราะฮิมชานที่เล่นงานเขาเมื่อกี้
กำลังเดินออกจากบ้านสบายใจเฉิบ
“พี่ฮิมชานบ้า!” จูบเขาซะขนาดนี้แล้วก็เดินออกจากบ้านหน้าตาเฉย
“ถ้ายังไม่ออกจากบ้าน
พี่จะถือว่ายองแจให้พี่ทำอะไรต่อมิอะไรต่อจากเมื่อคืนนะ” ฮิมชานไม่พูดเฉยแต่หันหลังกลับมาส่งสายตาหื่นกามใส่ยองแจ
จนยองแจต้องรีบวิ่งออกจากบ้าน
“พี่รู้หรอกน่าว่ายองแจไม่ไหว
เอาไว้คืนนี้ค่อยทำต่อแล้วกันนะ”
ว่าแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ก้มลงมาหอมแก้มป่องของอีกคนก่อนจะดินนำหน้าไป
ผมควรจะตอบเพื่อนของผมว่ายังไงดีล่ะ
ผมไม่ได้ไปโรงเรียน แล้วตอนนี้ก็ยังอยู่กับพี่ฮิมชานอีก สองคนนั้นต้องรู้ทันแน่ๆ
เลย ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่ออกจะขวางโลกอยู่สักหน่อย
แต่กับเรื่องแบบนี้ผมก็อายที่เล่าให้เพื่อนฟังเหมือนกันนะ
โดยเฉพาะที่ผมสลบไปยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธคนบ้าที่ไม่ยอมปล่อยเขาสักที
“จะทำหน้าบูดแบบนั้นอีกนานไหมครับที่รัก
ถ้ายังไม่ยิ้มพี่จะจูบโชว์ชาวบ้านมันตรงนี้เลยนะ”
ฮิมชานไม่พูดอย่างเดียวแต่ยื่นหน้าเข้าหน้ายองแจด้วย จนยองแจต้องรีบวิ่งหนี
นี่ผมคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่หลวมตัวไปรักคนบ้าแบบคิมฮิมชานเนี่ย???
“เฮ้อ!” มันจะเซ็งอะไรขนาดนั้นของมันว่ะ?
“โถ่เว้ย!!” นี่มึงจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งอีกนานไหม??
“เซ็งโว๊ย!!!” คนที่เซ็งควรจะเป็นกระผมแดฮยอนสุดหล่อคนนี้มากกว่านะครับคุณเพื่อน...
“มึงจะบ่นอะไรนักหนาว่ะยงกุก
นี่ถ้าให้กูนับสถิติคนถอนหายใจได้มากที่สุดในโลกนะ กูว่ามึงได้ชัวร์!!” ไอ้กระผมรึก็มาอยู่เป็นเพื่อนมันตั้งแต่ช่วงเที่ยง
แล้วหลังจากมันกินข้าวเสร็จมันก็ไม่ยอมนอนเอาแต่ถอนหายใจแล้วก็บ่นไม่ยอมหยุด
“เมื่อไหร่เจโล่จะเลิกเรียนสักทีเล่า
ก็อยู่แบบนี้กูก็ต้องเซ็งสิว่ะ” แล้วปกติน้องเขาไม่ไปเรียนรึไงไอ้นี่
“แถมพอจะไปรอหน้าโรงเรียนก็ไปไม่ได้ด้วย”
สรุปว่าที่ผ่านมามึงไปเฝ้าอยู่ทั้งวันว่างั้น?
“เฮ้อ!!” มันจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ
คือผมเริ่มจะไม่ไหวกับมันแล้ว
และแล้วแดฮยอนที่ทนพฤติกรรมของเพื่อนไม่ไหวก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจองอบ
“จองอบจ๋า!” มึงจะมาหวานอะไรตอนนี้ว่ะไอ้แด้
(ครับพี่แดฮยอน)
“เลิกเรียนรึยังครับ?”
มึงเห็นใจกูสักนิดเป็นไหม
(ใกล้เลิกเรียนแล้วครับ)
“รีบมาหาพี่เร็วๆ
นะครับ ตอนนี้พี่อยู่กับยงกุกที่โรงพยาบาลนะ มันกำลังจะขาดใจตายเพราะคิดถึงเจโล่นะ
ส่วนพี่ก็คิดถึงจองอบมากๆ เลยนะ
แต่พี่เป็นคนมีเหตุมีผลก็เลยไม่โวยวายเหมือนยงกุกมันนะ” นี่ถ้าไม่ติดว่ากูทำมือถือหายกูจะโทรบ้าง
(ครับ
ผมจะรีบพาเจโล่ไปให้เร็วที่สุดเลยนะ)
“แล้วเจอกันนะจองอบ”
แม่ง! อย่าให้กูได้ซื้อมือถือใหม่นะเมิง จะโทรหาเจโล่ทั้งวันเลยคอยดู
ว่าแล้วแดฮยอนก็หันไปมองยงกุกที่ตอนนี้กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่
“อิจฉากูล่ะดี๊
ไอ้คนมือถือหาย” วอนตีกูแล้วไหมมึงไอ้แด้?
เอ่อ..
กระผมคงไม่โดนมันกระทืบหรอกใช่ไหมครับ เพราะตอนนี้ยงกุกมันกำลังจ้องผมใหญ่เลย
ถ้าลุกมาเตะได้สะดวกผมว่ามันคงลุกแล้วล่ะนะ
ตลอดทางที่ยองแจเดินทางมาโรงพยาบาลเข้าก็ต้องประสบปัญญาใหญ่เพราะรถเมล์ที่เขานั่งมาดันมีที่ว่างเหลือแค่ที่เดียว
และฮิมชานยินกรานให้เขานั่งตักให้ได้ ไม่งั้นจะจูบโชว์คนบนรถเมล์
ทางเลือกของเขามีแค่อายกับอายมากเท่านั้น เขาจึงเลือกที่จะอายแต่พองามก็พอ
กว่าจะถึงป้ายที่ต้องลงก็ต้องทนก้มหน้าเพราะอายใครต่อใครที่มองเขานั่งตักอีกคนอยู่
จริงๆ จะยืนก็ได้แต่ก็โดนบังคับจึงจนปัญญา และสิ่งที่ยองแจต้องการก็มาสักที
ป้ายรถเมล์หน้าโรงพยาบาลนั่นเอง
ยองแจไม่รอช้าทันทีที่รถจอดเขาก็วิ่งพรวดลงรถโดยไม่หันไปมองฮิมชานหรือคนในรถเลยแม้แต่น้อย
เอาแต่ก้มหน้างุดๆ เดินเข้าโรงพยาบาลแทน
ส่วนคนก่อเรื่องก็เดินมาอย่างชิว
ผิวปากรับลมไม่สนใจใคร
“หวัดดีฮ่ะพี่ยงกุก
พี่แดฮยอน!”
ภาพของยองแจที่ก้มหน้าไม่อยมหยุดก็ทำให้คนถูกทักทายสงสัยเล็กน้อย
เพราะปกติสภาพแบบนี้จะเป็นของจองอบซะมากกว่า
ไหนไอ้คนที่เดินเข้าห้องมาทีหลังก็ดูท่าทางร่าเริงเกินเหตุอีกต่างหาก
ยงกุกกับแดฮยอนจึงต้องหันมองหน้ากันอย่างงงๆ
“เป็นอะไรรึเปล่ายองแจ?”
จนตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่อยากเงยหน้าซะด้วยสิ
“ไอ้ฮิม! มึงทำอะไรยองแจ?” คนป่วยตะโกนถามด้วยความสงสัยอย่างแรง
“ไม่ได้ทำอะไรนิ”
ดูมันทำหน้าเข้า ฟันมึงล้ำหน้าออกมาแล้วเว้ย
“ยองแจ!” คนโดนเรียกถึงกัยสะดุ้งโหย่ง
“ฮ่ะพี่ยงกุก”
ทำไมทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นว่ะ
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?
บอกพี่ได้นิ!” ยองแจพยักหน้าหงึกๆ
บอกยงกุกก่อนจะเดินไปกระซิบเพราะว่าอาย
ส่วนยงกุกที่กำลังฟังอยู่ก็เริ่มชักสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ไอ้ฮิม! มึงจะแกล้งยองแจมากเกินไปแล้วนะ” ไอ้ที่ผมได้ยินเนี่ย
ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะไอ้ความหื่นของมันนะ แต่ไอ้เรื่องที่บังคับให้นั่งตักบนรถเมล์เนี่ยสิที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ยองแจรู้สึกยังไงที่มึงแกล้งแบบนั้นรู้รึเปล่า?”
พอยงกุกพูดแบบนั้นไอ้ฮิมมันก็เก็บฟันมันเข้าที่แถมยังมองหาเรื่องยงกุกคืนซะนี่
“แล้วทำไมมึงต้องยุ่งเรื่องของกูกับยองแจด้วยว่ะ?”
สองคนนี้ยังไง ทำไมยงกุกถึงดูเหมือนจะห่วงยองแจขนาดนั้นทั้งที่มันก็มีเจโล่อยู่แล้วทั้งคน
“แด้! มึงพายองแจไปหาซื้ออะไรมาให้กูกินหน่อยสิ”
กระผมก็รู้ว่าพวกมึงจะทะเลาะกันนะ
แต่ช่วยบอกกระผมนิดนึงว่าพวกมึงทะเลาะกันเรื่องอะไร
กูไม่รู้เรื่องมึงเห็นหน้ากูไหมเนี่ย?
แต่ผมยังไม่ได้อ้าปากเถียงยองแจก็รีบดึงแขนเสื้อของผมให้เดินตามออกไป
ไอ้ผมก็งงกับญาติตัวเอง เหตุใดไฉนเลยวันนี้มันยอมไปกับผมแต่โดยดี
“กูไม่เคยเล่าให้มึงฟังมาก่อน
เพราะไม่คิดว่าควรจะเล่าถ้าไม่ใช่ว่ามึงทำให้ยองแจเสียใจแบบนั้น”
ผมเอือมกับเพื่อนของผมจริงๆ ทั้งที่ดูมันจะชอบยองแจไม่น้อยเอาจริงๆ
ก็มากกว่าทุกคนที่มันเคยคบ แต่แม่งทำอะไรไม่คิด
“เรื่องอะไร?
มึงกับยองแจเคยคบกันรึไง??” เฮ้อ!
นี่มึงช่วยฟังกูก่อนที่มึงจะคิดไปเองได้ไหมว่ะไอ้เหยิน
“ยองแจเคยโดนพวกนักเลงแถวบ้านลวนลาม”
อึ้งไปเลยไหมไอ้เหยิน กูก็ว่าจะไม่เล่าแล้วนะ
แม่งฟันก็เหยินแล้วเสือกจะมาอ้าปากค้างใส่ก็อีก
“โชคดีที่กูช่วยไว้ทัน
ตอนนั้นยองแจน่าจะเพิ่งขึ้นมัธยมได้มั้ง
เพราะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงก็เลยโดนพวกนักเลงที่เมากันอยู่เข้าใจผิด
แต่มึงไม่ต้องห่วงกูเล่นงานพวกนั้นจนมันไม่มีทางทำเชี่ยอะไรได้แล้วละชาตินี้”
ซึ้งไหมมึงไอ้เหยิน ไม่รู้จักถนอมน้องมันบ้าง
“ทำไมยองแจไม่เล่าให้กูฟังเลย?”
นี่มึงกำลังสำนึกผิดใช่ไหมบอกกูหน่อย
“เรื่องน่าอายแบบนั้น
มึงอยากเล่าให้แฟนมึงฟังไหมล่ะ??” ถามไม่คิด
แล้วที่มึงเที่ยวแรดไปทั่วมึงเล่าให้น้องเขาฟังรึไง
“มึงอยากจะบอกอะไรกูกันแน่ไอ้ยงกุก?”
แม่งโง่ ไม่เข้าใจอีกนิ
“ยองแจนะขี้อายกว่าจองอบด้วยซ้ำ
แต่แสดงออกมาแบบก้าวร้าวคนอื่นก็เลยมองไม่ค่อยออก
แถมยังเคยเจอเรื่องแบบนั้นอีกเวลาที่โดนคนจ้องเยอะๆ
ก็ต้องไม่ชอบอยู่แล้วเป็นธรรมดา แถมไอ้คนที่ทำดันเป็นไอ้เหยินหื่นกามด้วย
ยองแจก็ต้องรู้สึกแย่อยู่แล้วแถมมึงก็เอาแต่ร่าเริงไม่ได้ดูสักนิดว่ายองแจจะร้องไห้อยู่แล้ว”
สภาพของยองแจตอนนั้นผมไม่ควรเล่าให้มันฟังหรอกนะ
เด็กผู้ชายที่โดนนักเลงขี้เมาพยายามจะปลุกปล้ำ
เสื้อที่ถูกฉีกทึ้งจนขาดแถมยังจะโดนซ้อมเพราะไม่ยอมอีก
ถ้ามึงรู้แบบนั้นมึงจะทนได้หรอว่ะฮิมชาน
“ไปขอโทษยองแจซะแล้วต่อไปนี้มึงก็เลิกหื่นด้วย
นั่นคนที่มึงรักไม่ใช่รึไง?” หวังว่าคำพูดของผมจะทำให้มันเข้าใจนะ
ไอ้เหยินมันยิ่งโง่ๆ อยู่
“มึงควรจะอ่อนโยนกับคนที่มึงรักไม่ใช่รึไง?
ยิ่งเป็นคนที่รักมึงแล้วด้วย!!”
เรื่องของยองแจ
เรื่องที่ผมไม่เคยรู้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่คิด
ยองแจจะรู้สึกแบบไหนกันจะโกรธผมแค่ไหนนะที่ผมทำอะไรแบบนั้นกับเขา
ผมรู้ว่ายองแจเป้นคนขี้อายแต่ผมไม่รู้ว่าที่ผมหยอกล้อยองแจคือสิ่งที่ทำให้ยองแจเสียใจ
ผมควรขอโทษเขายังไงกัน
“ยองแจอ่า”
ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องยองแจก็เงียบตลอดเลย กระผมรึก็อึดอัดแบบสุดๆ
คงไม่เกี่ยวกับเรื่องของยองแจตอนเด็กๆ หรอกนะ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
กระผมว่าเป็นชัวร์ เพราะญาติของผมคนนี้กำลังร้องไห้อยู่
“เฮ้ย! ร้องไห้ไมว่ะ? ฉันไม่ถามแกก็ได้” กระผมว่าคงไม่ทันแล้วล่ะพี่น้อง
“ผมไม่ชอบที่โดนคนจ้องมองแบบนั้น
สายตาที่พากันจ้องมาที่ผมแบบนั้น ผมเกลียดที่สุด!!!” ฟ้าถล่มแน่งานนี้ ไอ้เด็กลูกโป่งมันพูดเพราะกับผมอ่ะ
แดฮยอนไม่ได้หูฟาดใช่ไหมคร๊าบ?
“เอ่อ..”
ควรจะปลอบมันยังไงหว่า? แต่กระผมคงไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะ
คงต้องยกหน้าที่ให้ไอ้คนที่เดินฟันล้ำหน้ามานั่นแทน ผมเลยตบบ่ายองแจเบาๆ
ก่อนจะเดินออกไป
ผมเดินออกมาหายองแจเพื่อขอโทษแต่ก็ได้พบว่าเขากำลังร้องไห้อยู่
และสิ่งที่ผมได้ยินก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดต่อยองแจมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้แดฮยอนเห็นผมแล้วและมันก็ถอยออกมาให้ผมได้คุยกับยองแจ
นายมันไม่มีหัวใจคิมฮิมชาน!
ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุด!
คนอย่างนายเคยรักใครด้วยรึไง?
นั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงที่ผมสะบั้นรักทิ้งมักพูดออกมา...
ฮิมชานที่ยืนมองยองแจร้องไห้อยู่ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดออกมานอกจากดึงยองแจเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
เขาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและคนไม่มีหัวใจคนนี้ก็อยากให้คนที่เขาได้รู้
“พี่ขอโทษนะยองแจ
ขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด ยกโทษให้พี่นะครับ”
ยองแจไม่ตอบอะไรกลับมาแต่อย่างน้อยเขาก็กอดผมตอบ
นั่นทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งที่ยงกุกพูดหมายความว่าอะไร
ผมควรจะอ่อนโยนกับคนที่ผมรัก
และถนอมความที่เขามอบให้แก่ผมให้มากที่สุด!!!
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น