uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 15 เรื่องของเรื่อง

“รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยนะฮ่ะพี่ฮิมชาน ผมอยากไปเยี่ยมพี่ยงกุกอ่ะ” ตั้งแต่ตื่นยองแจไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลย พูดแต่ว่าถ้าไม่หยุดจะฟ้องยงกุกแล้วไอ้ยงกุกมันเกี่ยวอะไรคร๊าบ
“ทำไมต้องอยากไปเยี่ยมมันด้วย?” ผมเองสงสัยอยู่บ้างเพราะดูเหมือนยองแจจะรู้จักยงกุกอยู่ไม่น้อยเลย
“พี่ยงกุกเคยช่วยผม เพราะงั้นผมก็ต้องเป็นห่วงพี่เขาเป็นธรรมดานี่” เคยช่วยอะไร ทำไมกระผมไม่รู้เรื่อง
“ไม่ต้องมามองหน้าแบบนั้นเลยนะ” สงสัยว่าผมจะจ้องยองแจมากไปหน่อย ก็เลยทำให้โดนดุเล็กน้อยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผมที่จะโดนยองแจบ่นใส่อยู่บ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ
“ถ้าขึ้นเสียงพี่จะจับกดนะ!” แก้มป่องสะบัดบ๊อบแล้วก็เดินออกจากห้องไป แหมๆ ใจจริงก็อยากจะจับกดอีกสักรอบอ่านะ แต่ยองแจไม่ยอมให้เขาอ่ะ
ว่าแล้วฮิมชานก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามยองแจไปชั้นล่าง ส่วนยองแจทันทีที่ได้ยินเสียงของฮิมชานเดินลงมาก็รีบเอาส้อมมาถือไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างกำลังถือแก้วน้ำส้มอยู่ คงคิดว่าอย่างน้อยส้อมก็พอจะทำให้ฮิมชานกลัวได้บ้างล่ะมั้ง
“เอาส้อมมาขู่พี่แบบนี้ไม่ดีน่ะที่รัก” ว่าแล้วฮิมชานก็พุ่งใส่ยองแจก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ตั้งรับ มือทั้งสองข้างของฮิมชานจัดการกับของในมือยองแจได้เป็นอย่างดี เขาเลือกที่จะเอาแก้วน้ำส้มวางลงก่อน ก่อนจะดึงเอาส้อมออกทีหลัง ยองแจที่สู้แรงของฮิมชานไม่ได้ก็ได้แต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ผมจะฟ้องพี่ยงกุกจริงๆ นะ” ตาสวยกำลังมองค้อนใส่ฮิมชาน
“พี่แค่จูบก็ไม่ได้หรอ ยองแจอ่า” ว่าแล้วคนกำลังค้อนใส่ก็โดนจูบของริมฝีปากจอมตะกล่ะเข้าเล่นงาน ร่างกายที่ผ่านศึกหนักมาไม่มีแรงพอจะต่อสู้กับอีกคนที่ดูจะมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนกัน
“อื้อ..” ยองแจที่กำลังจะขาดใจตายเพราะอากาศหมดก็ต้องส่งเสียงประท้วง ฮิมชานจึงยอมถอนริมฝีปากออก แล้วยองแจก็ต้องอายเพราะฮิมชานที่เล่นงานเขาเมื่อกี้ กำลังเดินออกจากบ้านสบายใจเฉิบ
“พี่ฮิมชานบ้า!” จูบเขาซะขนาดนี้แล้วก็เดินออกจากบ้านหน้าตาเฉย
“ถ้ายังไม่ออกจากบ้าน พี่จะถือว่ายองแจให้พี่ทำอะไรต่อมิอะไรต่อจากเมื่อคืนนะ” ฮิมชานไม่พูดเฉยแต่หันหลังกลับมาส่งสายตาหื่นกามใส่ยองแจ จนยองแจต้องรีบวิ่งออกจากบ้าน
“พี่รู้หรอกน่าว่ายองแจไม่ไหว เอาไว้คืนนี้ค่อยทำต่อแล้วกันนะ” ว่าแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ก้มลงมาหอมแก้มป่องของอีกคนก่อนจะดินนำหน้าไป

ผมควรจะตอบเพื่อนของผมว่ายังไงดีล่ะ ผมไม่ได้ไปโรงเรียน แล้วตอนนี้ก็ยังอยู่กับพี่ฮิมชานอีก สองคนนั้นต้องรู้ทันแน่ๆ เลย ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่ออกจะขวางโลกอยู่สักหน่อย แต่กับเรื่องแบบนี้ผมก็อายที่เล่าให้เพื่อนฟังเหมือนกันนะ โดยเฉพาะที่ผมสลบไปยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธคนบ้าที่ไม่ยอมปล่อยเขาสักที
“จะทำหน้าบูดแบบนั้นอีกนานไหมครับที่รัก ถ้ายังไม่ยิ้มพี่จะจูบโชว์ชาวบ้านมันตรงนี้เลยนะ” ฮิมชานไม่พูดอย่างเดียวแต่ยื่นหน้าเข้าหน้ายองแจด้วย จนยองแจต้องรีบวิ่งหนี
นี่ผมคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่หลวมตัวไปรักคนบ้าแบบคิมฮิมชานเนี่ย???

“เฮ้อ!” มันจะเซ็งอะไรขนาดนั้นของมันว่ะ?
“โถ่เว้ย!!” นี่มึงจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งอีกนานไหม??
“เซ็งโว๊ย!!!” คนที่เซ็งควรจะเป็นกระผมแดฮยอนสุดหล่อคนนี้มากกว่านะครับคุณเพื่อน...
“มึงจะบ่นอะไรนักหนาว่ะยงกุก นี่ถ้าให้กูนับสถิติคนถอนหายใจได้มากที่สุดในโลกนะ กูว่ามึงได้ชัวร์!!” ไอ้กระผมรึก็มาอยู่เป็นเพื่อนมันตั้งแต่ช่วงเที่ยง แล้วหลังจากมันกินข้าวเสร็จมันก็ไม่ยอมนอนเอาแต่ถอนหายใจแล้วก็บ่นไม่ยอมหยุด
“เมื่อไหร่เจโล่จะเลิกเรียนสักทีเล่า ก็อยู่แบบนี้กูก็ต้องเซ็งสิว่ะ” แล้วปกติน้องเขาไม่ไปเรียนรึไงไอ้นี่
“แถมพอจะไปรอหน้าโรงเรียนก็ไปไม่ได้ด้วย” สรุปว่าที่ผ่านมามึงไปเฝ้าอยู่ทั้งวันว่างั้น?
“เฮ้อ!!” มันจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ คือผมเริ่มจะไม่ไหวกับมันแล้ว
และแล้วแดฮยอนที่ทนพฤติกรรมของเพื่อนไม่ไหวก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจองอบ
“จองอบจ๋า!” มึงจะมาหวานอะไรตอนนี้ว่ะไอ้แด้
(ครับพี่แดฮยอน)
“เลิกเรียนรึยังครับ?” มึงเห็นใจกูสักนิดเป็นไหม
(ใกล้เลิกเรียนแล้วครับ)
“รีบมาหาพี่เร็วๆ นะครับ ตอนนี้พี่อยู่กับยงกุกที่โรงพยาบาลนะ มันกำลังจะขาดใจตายเพราะคิดถึงเจโล่นะ ส่วนพี่ก็คิดถึงจองอบมากๆ เลยนะ แต่พี่เป็นคนมีเหตุมีผลก็เลยไม่โวยวายเหมือนยงกุกมันนะ” นี่ถ้าไม่ติดว่ากูทำมือถือหายกูจะโทรบ้าง
(ครับ ผมจะรีบพาเจโล่ไปให้เร็วที่สุดเลยนะ)
“แล้วเจอกันนะจองอบ” แม่ง! อย่าให้กูได้ซื้อมือถือใหม่นะเมิง จะโทรหาเจโล่ทั้งวันเลยคอยดู
ว่าแล้วแดฮยอนก็หันไปมองยงกุกที่ตอนนี้กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่
“อิจฉากูล่ะดี๊ ไอ้คนมือถือหาย” วอนตีกูแล้วไหมมึงไอ้แด้?
เอ่อ.. กระผมคงไม่โดนมันกระทืบหรอกใช่ไหมครับ เพราะตอนนี้ยงกุกมันกำลังจ้องผมใหญ่เลย ถ้าลุกมาเตะได้สะดวกผมว่ามันคงลุกแล้วล่ะนะ

ตลอดทางที่ยองแจเดินทางมาโรงพยาบาลเข้าก็ต้องประสบปัญญาใหญ่เพราะรถเมล์ที่เขานั่งมาดันมีที่ว่างเหลือแค่ที่เดียว และฮิมชานยินกรานให้เขานั่งตักให้ได้ ไม่งั้นจะจูบโชว์คนบนรถเมล์ ทางเลือกของเขามีแค่อายกับอายมากเท่านั้น เขาจึงเลือกที่จะอายแต่พองามก็พอ กว่าจะถึงป้ายที่ต้องลงก็ต้องทนก้มหน้าเพราะอายใครต่อใครที่มองเขานั่งตักอีกคนอยู่ จริงๆ จะยืนก็ได้แต่ก็โดนบังคับจึงจนปัญญา และสิ่งที่ยองแจต้องการก็มาสักที ป้ายรถเมล์หน้าโรงพยาบาลนั่นเอง
ยองแจไม่รอช้าทันทีที่รถจอดเขาก็วิ่งพรวดลงรถโดยไม่หันไปมองฮิมชานหรือคนในรถเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ก้มหน้างุดๆ เดินเข้าโรงพยาบาลแทน
ส่วนคนก่อเรื่องก็เดินมาอย่างชิว ผิวปากรับลมไม่สนใจใคร

“หวัดดีฮ่ะพี่ยงกุก พี่แดฮยอน!” ภาพของยองแจที่ก้มหน้าไม่อยมหยุดก็ทำให้คนถูกทักทายสงสัยเล็กน้อย เพราะปกติสภาพแบบนี้จะเป็นของจองอบซะมากกว่า ไหนไอ้คนที่เดินเข้าห้องมาทีหลังก็ดูท่าทางร่าเริงเกินเหตุอีกต่างหาก ยงกุกกับแดฮยอนจึงต้องหันมองหน้ากันอย่างงงๆ
“เป็นอะไรรึเปล่ายองแจ?” จนตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่อยากเงยหน้าซะด้วยสิ
“ไอ้ฮิม! มึงทำอะไรยองแจ?” คนป่วยตะโกนถามด้วยความสงสัยอย่างแรง
“ไม่ได้ทำอะไรนิ” ดูมันทำหน้าเข้า ฟันมึงล้ำหน้าออกมาแล้วเว้ย
“ยองแจ!” คนโดนเรียกถึงกัยสะดุ้งโหย่ง
“ฮ่ะพี่ยงกุก” ทำไมทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นว่ะ
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม? บอกพี่ได้นิ!” ยองแจพยักหน้าหงึกๆ บอกยงกุกก่อนจะเดินไปกระซิบเพราะว่าอาย ส่วนยงกุกที่กำลังฟังอยู่ก็เริ่มชักสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ไอ้ฮิม! มึงจะแกล้งยองแจมากเกินไปแล้วนะ” ไอ้ที่ผมได้ยินเนี่ย ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะไอ้ความหื่นของมันนะ แต่ไอ้เรื่องที่บังคับให้นั่งตักบนรถเมล์เนี่ยสิที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ยองแจรู้สึกยังไงที่มึงแกล้งแบบนั้นรู้รึเปล่า?” พอยงกุกพูดแบบนั้นไอ้ฮิมมันก็เก็บฟันมันเข้าที่แถมยังมองหาเรื่องยงกุกคืนซะนี่
“แล้วทำไมมึงต้องยุ่งเรื่องของกูกับยองแจด้วยว่ะ?” สองคนนี้ยังไง ทำไมยงกุกถึงดูเหมือนจะห่วงยองแจขนาดนั้นทั้งที่มันก็มีเจโล่อยู่แล้วทั้งคน
“แด้! มึงพายองแจไปหาซื้ออะไรมาให้กูกินหน่อยสิ” กระผมก็รู้ว่าพวกมึงจะทะเลาะกันนะ แต่ช่วยบอกกระผมนิดนึงว่าพวกมึงทะเลาะกันเรื่องอะไร กูไม่รู้เรื่องมึงเห็นหน้ากูไหมเนี่ย?
แต่ผมยังไม่ได้อ้าปากเถียงยองแจก็รีบดึงแขนเสื้อของผมให้เดินตามออกไป ไอ้ผมก็งงกับญาติตัวเอง เหตุใดไฉนเลยวันนี้มันยอมไปกับผมแต่โดยดี

“กูไม่เคยเล่าให้มึงฟังมาก่อน เพราะไม่คิดว่าควรจะเล่าถ้าไม่ใช่ว่ามึงทำให้ยองแจเสียใจแบบนั้น” ผมเอือมกับเพื่อนของผมจริงๆ ทั้งที่ดูมันจะชอบยองแจไม่น้อยเอาจริงๆ ก็มากกว่าทุกคนที่มันเคยคบ แต่แม่งทำอะไรไม่คิด
“เรื่องอะไร? มึงกับยองแจเคยคบกันรึไง??” เฮ้อ! นี่มึงช่วยฟังกูก่อนที่มึงจะคิดไปเองได้ไหมว่ะไอ้เหยิน
“ยองแจเคยโดนพวกนักเลงแถวบ้านลวนลาม” อึ้งไปเลยไหมไอ้เหยิน กูก็ว่าจะไม่เล่าแล้วนะ แม่งฟันก็เหยินแล้วเสือกจะมาอ้าปากค้างใส่ก็อีก
“โชคดีที่กูช่วยไว้ทัน ตอนนั้นยองแจน่าจะเพิ่งขึ้นมัธยมได้มั้ง เพราะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงก็เลยโดนพวกนักเลงที่เมากันอยู่เข้าใจผิด แต่มึงไม่ต้องห่วงกูเล่นงานพวกนั้นจนมันไม่มีทางทำเชี่ยอะไรได้แล้วละชาตินี้” ซึ้งไหมมึงไอ้เหยิน ไม่รู้จักถนอมน้องมันบ้าง
“ทำไมยองแจไม่เล่าให้กูฟังเลย?” นี่มึงกำลังสำนึกผิดใช่ไหมบอกกูหน่อย
“เรื่องน่าอายแบบนั้น มึงอยากเล่าให้แฟนมึงฟังไหมล่ะ??” ถามไม่คิด แล้วที่มึงเที่ยวแรดไปทั่วมึงเล่าให้น้องเขาฟังรึไง
“มึงอยากจะบอกอะไรกูกันแน่ไอ้ยงกุก?” แม่งโง่ ไม่เข้าใจอีกนิ
“ยองแจนะขี้อายกว่าจองอบด้วยซ้ำ แต่แสดงออกมาแบบก้าวร้าวคนอื่นก็เลยมองไม่ค่อยออก แถมยังเคยเจอเรื่องแบบนั้นอีกเวลาที่โดนคนจ้องเยอะๆ ก็ต้องไม่ชอบอยู่แล้วเป็นธรรมดา แถมไอ้คนที่ทำดันเป็นไอ้เหยินหื่นกามด้วย ยองแจก็ต้องรู้สึกแย่อยู่แล้วแถมมึงก็เอาแต่ร่าเริงไม่ได้ดูสักนิดว่ายองแจจะร้องไห้อยู่แล้ว”
สภาพของยองแจตอนนั้นผมไม่ควรเล่าให้มันฟังหรอกนะ เด็กผู้ชายที่โดนนักเลงขี้เมาพยายามจะปลุกปล้ำ เสื้อที่ถูกฉีกทึ้งจนขาดแถมยังจะโดนซ้อมเพราะไม่ยอมอีก ถ้ามึงรู้แบบนั้นมึงจะทนได้หรอว่ะฮิมชาน
“ไปขอโทษยองแจซะแล้วต่อไปนี้มึงก็เลิกหื่นด้วย นั่นคนที่มึงรักไม่ใช่รึไง?” หวังว่าคำพูดของผมจะทำให้มันเข้าใจนะ ไอ้เหยินมันยิ่งโง่ๆ อยู่
“มึงควรจะอ่อนโยนกับคนที่มึงรักไม่ใช่รึไง? ยิ่งเป็นคนที่รักมึงแล้วด้วย!!

เรื่องของยองแจ เรื่องที่ผมไม่เคยรู้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่คิด ยองแจจะรู้สึกแบบไหนกันจะโกรธผมแค่ไหนนะที่ผมทำอะไรแบบนั้นกับเขา ผมรู้ว่ายองแจเป้นคนขี้อายแต่ผมไม่รู้ว่าที่ผมหยอกล้อยองแจคือสิ่งที่ทำให้ยองแจเสียใจ ผมควรขอโทษเขายังไงกัน
“ยองแจอ่า” ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องยองแจก็เงียบตลอดเลย กระผมรึก็อึดอัดแบบสุดๆ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องของยองแจตอนเด็กๆ หรอกนะ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” กระผมว่าเป็นชัวร์ เพราะญาติของผมคนนี้กำลังร้องไห้อยู่
“เฮ้ย! ร้องไห้ไมว่ะ? ฉันไม่ถามแกก็ได้” กระผมว่าคงไม่ทันแล้วล่ะพี่น้อง
“ผมไม่ชอบที่โดนคนจ้องมองแบบนั้น สายตาที่พากันจ้องมาที่ผมแบบนั้น ผมเกลียดที่สุด!!!” ฟ้าถล่มแน่งานนี้ ไอ้เด็กลูกโป่งมันพูดเพราะกับผมอ่ะ แดฮยอนไม่ได้หูฟาดใช่ไหมคร๊าบ?
“เอ่อ..” ควรจะปลอบมันยังไงหว่า? แต่กระผมคงไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะ คงต้องยกหน้าที่ให้ไอ้คนที่เดินฟันล้ำหน้ามานั่นแทน ผมเลยตบบ่ายองแจเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป

ผมเดินออกมาหายองแจเพื่อขอโทษแต่ก็ได้พบว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ และสิ่งที่ผมได้ยินก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดต่อยองแจมากขึ้นไปอีก ตอนนี้แดฮยอนเห็นผมแล้วและมันก็ถอยออกมาให้ผมได้คุยกับยองแจ

นายมันไม่มีหัวใจคิมฮิมชาน!
ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุด!
คนอย่างนายเคยรักใครด้วยรึไง?
นั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงที่ผมสะบั้นรักทิ้งมักพูดออกมา...

ฮิมชานที่ยืนมองยองแจร้องไห้อยู่ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดออกมานอกจากดึงยองแจเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน เขาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและคนไม่มีหัวใจคนนี้ก็อยากให้คนที่เขาได้รู้
“พี่ขอโทษนะยองแจ ขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด ยกโทษให้พี่นะครับ” ยองแจไม่ตอบอะไรกลับมาแต่อย่างน้อยเขาก็กอดผมตอบ นั่นทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งที่ยงกุกพูดหมายความว่าอะไร
ผมควรจะอ่อนโยนกับคนที่ผมรัก และถนอมความที่เขามอบให้แก่ผมให้มากที่สุด!!!


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น