uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 17 ผมชอบแบบนี้

ไม่อาจทราบได้ว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือผมควรจะเสียใจกับมันดี เพราะตอนนี้มีเพียงผมกับเจโล่เพียงสองคนในห้องพัก และผมคงดีใจกว่านี้ถ้าหมอจะสั่งยาที่ทำให้ผมหลับมาให้กิน เจโล่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรเหมือนที่ผมคิดแน่ๆ หลังจากที่กลับมาห้องก็รีบอาบน้ำแล้วก็มานั่งทำการบ้านสำหรับส่งพรุ่งนี้ ส่วนผมก็ทำได้แค่นั่งมองนอนมองเท่านั้น
“เจโล่อ่า!” ผมคงต้องเริ่มประท้วงนิดๆ สินะใช่ไหม
“พี่เหงานะเนี่ย เมื่อไหร่จะทำการบ้านเสร็จอ่ะ?” ทั้งที่อยู่ใกล้ผมขนาดนี้แต่กลับไม่ได้คุยกันเลยสักคำ ก็เจ้าตัวยุ่งสนใจแต่การบ้านนะสิ

ผมทำตัวไม่ถูกหลังจากเรื่องเมื่อตอนเย็น ผมไม่แน่ใจว่าพี่ยงกุกจะห้ามตัวเองได้รึเปล่า เพราะผมเริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองจะใจแข็งได้ขนาดไหน ผมจึงเลี่ยงปัญหาโดยการนั่งทำการบ้านที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าให้เสร็จแทน มันคงดีกับผมมากกว่าในเวลาแบบนี้
“อีกนิดหน่อยฮ่ะ พี่ยงกุกห่วงหรอ?” ผมพยายามจะไม่บอกว่าการบ้านของผมมันเสร็จตั้งนานแล้ว ผมแค่แกล้งทำตัวให้ยุ่งเท่านั้นเอง

ผมเริ่มจะโกรธแล้วนะ ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วแต่เจโล่ยังไม่ยอมมาคุยกับผมเลย
“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบเมื่อตอนเย็นอีก เพราะงั้น.. เจโล่ช่วยสนใจพี่หน่อยได้ไหม?” ผมกำลังน้อยใจแบบสุดๆ เลยล่ะ
“สัญญานะ!” ดูเหมือนพี่ยงกุกคงจะรู้ทันผมสินะใช่ไหม?
“มาใกล้ๆ พี่ได้ไหมอ่ะ เจโล่ก็รู้ว่าพี่ลุกจากเตียงคนไข้ลำบากอ่ะ?” แค่กอดเจโล่คงจะไม่ว่าผมหรอกใช่ไหม
“พี่ยงกุกอยากคุยอะไรกับผมหรอฮ่ะ?” เจโล่ของผมกำลังทำหน้ามุ่ยใส่ สงสัยว่าจะกลัวผมไปแล้วล่ะนะ มันน่ากระทืบตัวเองตายจริงๆ
“ถ้าพี่ยงกุกทำแบบนั้นอีกผมจะกลับบ้านนะฮ่ะ!” ถ้าผมยื่นคำขาดพี่ยงกุกต้องยอมผมแน่ๆ
“เจโล่กำลังลงโทษที่พี่ไม่รักษาสัญญาอยู่รึไงครับ?” ถึงกับใจแข็งไม่ยอมมาใกล้ผมเลยสักนิดแบบนี้ พี่จะขาดใจตายนะเจโล่
“แล้วเป็นไงล่ะฮ่ะ ได้ผมรึเปล่าวิธีลงโทษของผมนะ??” ท่าไม้ตายของเจโล่ทำเอาผมพูดไม่ออก ถ้าการที่ผมจะได้สัมผัสเย้ายวนใจแบบนั้นแล้วทำให้ผมถูกเจโล่เมินใส่นานขนาดนี้ ผมขอนั่งมองเจโล่ทั้งวันยังจะดีกว่าอีก

 ไม่รู้ว่าผมทำเกินไปรึเปล่าแต่ตอนนี้พี่ยงกุกทำหน้าเศร้ายังไงก็ไม่รู้ ผมรู้สึกไม่ดีกับแววตาของพี่ยงกุกแบบนั้น ผมไม่ได้ไม่อยากใกล้พี่สักหน่อยผมแค่กลัวใจตัวเองต่างหาก แต่เห็นที่ว่าผมคงต้องหยุดมาตรการนี้ซะแล้วล่ะ

“พี่ยังกอดเจโล่ได้รึเปล่า” ทำไมพี่ต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นใส่ผมนะ
“ได้ฮ่ะ” ผมจะใจดีกับพี่แล้วกัน
“แล้วพี่ยังจูบเจโล่ได้รึเปล่า?” ให้กอดแล้วยังจะเอาจูบอีก
“แต่จูบแบบตอนเย็นผมไม่ชอบ” ใครบอกว่าไม่ชอบกันล่ะตอนนั้นแทบจะระเบิดตัวเองตายอยู่แล้ว ใครให้พี่จูบเก่งเกินไปช่วยไม่ได้
“แล้วพี่จูบเจโล่แบบไหนได้อ่ะ??” นี่ผมต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างรึไงกัน

ยงกุกคงต้องโทษตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น เพราะตอนนี้เจโล่กำลังเดินเข้าไปหาเขาที่เตียงคนไข้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ก่อนจะโน้มศรีษะเข้าไปหาแล้วริมฝีปากเรียวเล็กก็มอบสัมผัสอ่อนนุ่มให้กับริมฝีปากหนาของอีกคนก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ ทิ้งให้อีกคนเพ้อเพราะความหวานของรสจูบที่ได้รับ ยงกุกรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านริมฝีปากอุ่นๆ ส่วนเจโล่ตอนนี้ก็เริ่มหน้าขึ้นสีเพราะเขินกับสิ่งที่ตัวเองทำ
“ผมชอบเวลาที่พี่ยงกุกจูบผมแบบนี้!” ผมไม่ได้จะแก้ตัวหรือว่าหาทางรอดหรอกนะ แต่ผมชอบจูบแรกที่พี่ยงกุกมอบให้กับผมมากที่สุด ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกรักของพี่ยงกุกที่มีต่อผมจากจูบนั้น มันนุ่มนวลและอ่อนหวานจนทำให้ผมตัวลอยได้เลย
“เข้าใจแล้วครับ สุดที่รักของผม”
นัยน์ตาของยงกุกที่มองเจโล่ในตอนนี้อ่อนโยนมากพอที่จะละลายน้ำแข็งขั้วโลกได้เลย ส่วนน้ำตาลที่ว่าหวานก็คงจืดสนิท ถ้าใครเผลอเข้ามาเห็นสองคนตอนนี้คงต้องกลั้นใจตายเพราะความหวานที่มันทะลักออกมาจากนัยน์ตาของคนทั้งสองที่มองกันไม่ละสายตาไปไหน
“ผมจะปลอดภัยไหมฮ่ะ ถ้าผมจะนอนกอดพี่นะ?” ตอนนี้ผมเริ่มจะง่วงแล้วและผมก็อยากจะนอนข้างๆ พี่ยงกุกด้วย
“พี่เพิ่งสัญญาไปเองนะ พี่ไม่ลืมหรอกครับ”
ว่าแล้วยงกุกก็ขยับให้อีกคนมานอนข้างๆ ทั้งที่แขนซ้ายเจ็บแต่ก็ยังจับเจโล่นอนบนแขนขวาของตัวเองทั้งที่อีกคนเป็นห่วง
“แต่พี่ยงกุกเจ็บไหล่อยู่นะฮ่ะ” ตากลมสวยของเจโล่จ้องมองยงกุกอย่างห่วงใย
“ที่เจ็บนะข้างซ้ายข้างขวายังใช้งานได้ดี อีกอย่างก็เจ็บไหล่ไม่ใช่แขนด้วย” ถ้าผมโดนจ้องแบบนี้นานๆ ผมจะละลายรึเปล่าฮ่ะพี่ยงกุก

ภาพของทั้งสองคนในตอนนี้จะบรรยายออกมายังไงดีล่ะ เจโล่ที่ซบลงบนแขนขวาของยงกุกกำลังเอาหน้าซุกกับออกกว้างส่วนแขนก็โอบรอบเอวของยงกุกเอาไว้ เหมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าหายไปไหน ส่วนแขนข้างที่เจ็บก็ค่อยๆ เลื่อนมาลูบไล้ใบหน้างามที่เขาหลงใหลอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวยาวไล่ไปตามเส้นผมเผยให้เห็นผิวขาวๆ ได้อย่างชัดเจน ก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวานลงบนหน้าผากของคนที่กอดตัวเองแน่น จากนั้นก็เลื่อนริมปีมากของตัวเองลงมาที่แก้มนุ่มๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่กอดตัวเองอยู่กำลังเขินจึงทำเพียงแค่มองอย่างเอ็นดู

จริงๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายสักหน่อยแค่กอดเจโล่เอาไว้แบบที่เจโล่เคยบอก ผมชอบความรู้สึกตอนนี้จัง ผมกอดเจโล่ได้อย่างบริสุทธิ์ใจและผมเองก็ได้รับอ้อมกอดอบอุ่นเป็นการตอบแทน มันคงดีที่ทุกวันของผมจะเป็นแบบนี้ ผมควรจะลักพาตัวเจโล่ซะเลยดีไหม?

“พี่ยงกุกฮ่ะ” เจ้าตัวยุ่งของผมอึดอัดรึเปล่านะที่โดนกอดอยู่แบบนี้
“อืมม ว่าไงครับ?” อย่าบอกเชียวนะว่าจะให้พี่ปล่อยนะ
“ผมหลับไปทั้งแบบนี้ได้ใช่ไหมฮ่ะ?” ยังจะมาทำหน้าบ้องแบ๊วใส่อีกนิ
“ให้อยู่แบบนี้ทั้งวันยังได้เลย” ผมคงจะเผลอปล่อยให้ตัวเองรักเจโล่มากเกินไปแล้วล่ะ ถ้าผมเกิดนิสัยเสียขึ้นมาไม่ยอมปล่อยให้เจโล่ไปไหนไกลๆ เจโล่จะอึดอัดรึเปล่านะ เจโล่จะรับมือความรักของผมไหวรึเปล่านะ

ช่วงเวลาแห่งความหวานหยาดเยิ้มคงผ่านไปเร็วเกินไป ในตอนนี้พระอาทิตย์ได้โผล่พ้นขอบฟ้ามานานพอสมควรแล้ว แต่ทั้งสองคนยังคงกอดกันกลมไม่ต่างจากเมื่อคืน

“ว่าไงเด็กๆ ตื่นกันรึยัง ลุงเอาของมาอร่อยมาฝาก -0- “ นี่ฉันมาเช้าไปรึไงว่ะ?
“อืมม.. ลุงมินซูหรอฮ่ะ?” ว่าที่หลานสะใภ้ฉันตื่นแล้วหรอ นี่คงหลบออกไปไม่ทันแล้วล่ะ
“ลุงมาอะไรแต่เช้าครับเนี่ย!” ไอ้นี่นิ นี่ฉันลุงแกนะเว้ย

พอเห็นว่าลุงมินซูมาเยี่ยมเจโล่ก็รีบลุกจากเตียง แต่ก็รู้สึกอายนิดๆ ที่ลุงเข้ามาเห็นพวกเขานอนกอดกันอยู่ ส่วนยงกุกกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่ตาแก่ที่มาขัดจังหวะการนอนของเขา

“หวัดดีฮ่ะคุณลุง!” เจโล่ที่เพิ่งตื่นก็ทำอะไรไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่จนตาแก่ต้องหลุดขำใส่
“ฮ่ะๆๆ ไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้น่าเจโล่ คนกันเองทั้งนั้น ยังไงก็เป็นว่าที่หลานสะใภ้ของลุงอยู่แล้วนี่นะจริงไหม?” แต่คำพูดของตาแก่ไม่ได้ช่วยอะไรเจโล่มากไปกว่าทำให้เขินยิ่งกว่าเดิม
“ลุงมาอะไรแต่เช้าครับเนี่ย?” ไอ้หลานชายฉันมันไม่มีต่อมอายกับเขารึไงว่ะเนี่ย
“เดี๋ยวฉันจะไปต่างจังหวัดสักพักนะ ก็เลยว่าจะบอกให้แกเข้าไปดูงานบ้าง ถึงยังไงก็ควรไปตรวจเป็นระยะ ไอ้ฮยองซิกเองก็คงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลง่ายหรอก ยังไงก็คงต้องฝากแกเข้าไปดู” ว่าแต่หลานสะใภ้ฉันจะยอมรึเปล่านะ
“เจโล่ให้พี่เขาช่วยงานลุงไปก่อนได้ไหม?” เจโล่ที่ยังไม่ตื่นดีก็ต้องงงกับคำถามอยู่พักใหญ่
“แค่ไปช่วยใช่ไหมฮ่ะ?” แค่ให้พี่ยงกุกไปช่วยคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง
“อืมม เอาไว้ฮยองซิกหายป่วยลุงค่อยให้มันทำต่อ”
“ก็ได้ฮ่ะ!” เจโล่ตอบตาแก่พร้อมยิ้มกว้างให้ทำเอาตาแก่เอ็นดูเด็กน้อยไม่เบาเลย
“งั้นลุงไปล่ะนะเจโล่ ฉันไปแล้วนะยงกุก” จนถึงตอนจะกลับมันก็ยังทำหน้าเซ็งใส่ลุงจนได้สิน่าไอ้หลานคนนี้ ชั่งมันเถอะ! อย่างน้อยมันก็ยอมเรียกฉันลุงว่ะ

เจโล่ที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตื่นสายหลังจากที่ลุงกลับไปแล้วก็ต้องรีบกุลีกุจออาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อไปโรงเรียน แต่พอจะไปก็โดนยงกุกเรียกเอาไว้ซะก่อน
“จะรีบไปไหนเนี่ย?” ดูทำเข้าสิ
“ไปเรียนสิฮ่ะถามได้!” ไม่ต้องมาทำหน้างงใส่พี่เลยนะ
“ลืมอะไรรึเปล่าครับ?” นี่บอกใบ้สุดๆ เลยนะ ยังจะมาไม่รู้เรื่องอีก
“ฮือ?” ไม่เข้าใจจริงๆ ด้วยแฮ่ะ

หลังจากที่พยายามบอกใบ้ได้สักพักยงกุกก็ต้องใช้ภาษากายเพื่อบอกแทน นิ้วเรียวสวยกำลังชี้ไปที่ริมฝีปากหนาของตัวเองที่ตอนนี้ยู่เข้าหากัน เจโล่ที่เห็นแบบนั้นจึงเดินมาหายงกุกก่อนจะก้มลงและมอบจูบหวานให้ก่อนจะออกจากห้องไป และหลังจากเจโล่ออกไปได้ไม่นาน

“มีความสุขที่สุดเลยโว๊ย!!!” แล้วเสียงกู่ร้องของคนอินเลิฟก็ดังไปทั่วโรงพยาบาล

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น