หลังจากได้ฟังเรื่องราวมากมายที่ยากเกินกว่าจะทำใจรับได้ทั้งหมด
ยงกุกก็ต้องกลุ้มยิ่งกว่าเดิม
เพราะในตอนนี้เขากำลังโดนเจโล่คาดคั้นให้เล่าเรื่องที่เขากับแม่คุยกัน
“พี่ยงกุกอ่ะ ทำไมไม่เล่าให้ผมฟังล่ะครับ?”
เจโล่เอาแต่เบะปากใส่ยงกุกพร้อมกับหน้าสวยๆ ที่เริ่มจะหงิกงอเพราะอีกคนไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังสักที
“เดี๋ยวแม่ก็เล่าให้เจโล่ฟังเองนันแหล่ะน่า!!”
ยงกุกสัญญากับแม่ของเจโล่เอาไว้ว่าจะรอให้เธอเล่าความจริงกับเจโล่เอง
“แล้วแม่จะเล่าให้ผมฟังตอนไหนล่ะฮ่ะ??” ว่าแล้วเจโล่ก็หันหลังใส่ยงกุกอย่างงอนๆ เพราะทำเท่าไหร่อีกคนก็ไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังสักที
จนสุดท้ายทนไม่ได้จำต้องลุกเดินหนี
“เจโล่อ่า!!! คนดีของผมทำไมวันนี้ถึงเอาแต่ใจจังเลยนะ??”
ยงกุกกำลังง้อเจโล่ด้วยวิธีที่ทำให้คนโดนง้อเขินแก้มแดง
ยงกุกดึงตัวเจโล่กลับมานั่งลงที่ตักของตัวเองก่อนจะกอดเอวบางเอาไว้แน่น
แขนเล็กถูกจัดวางไว้รอบลำคอหนาอย่างเหมาะเจาะ
ตามด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกลงอกของอีกคนอย่างสมบูรณ์แบบ
เล่นเอาคนกำลังงอนปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
“พี่ยงกุกอ่า!!!” เจโล่ที่โดนยงกุกเล่นงานก็อดหายงอนไม่ได้
เพราะท่าทางของยงกุกมันทำให้เขาโกรธอีกคนไม่ลงจริงๆ ถึงอยากจะงอนก็เถอะแต่ถ้าทำขนาดนี้ใครมันจะใจแข็งได้ล่ะ
“อย่าเดินหนีพี่แบบนี่สิครับ พี่เสียใจนะ!!!”
นัยน์ตาเจ้าเล่ห์เงยมองใบหน้าสวยอย่างรักใคร่
“แล้วทำไมไม่ยอมเล่าให้ผมฟังสักทีล่ะฮ่ะ??”
เจโล่พยายามออดอ้อนคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“จูบพี่ก่อนสิแล้วจะบอก!!” ยงกุกเอ่ยกับเจโล่พร้อมส่งแววตาหวานซึ้งไปละลายอีกคนเล่น
“ถ้าจูบแล้วจะเล่าให้ฟังใช่ไหมฮ่ะ??” เจโล่มองยงกุกอย่างอายๆ
“อืมม จะบอกก็ได้ครับ” ยงกุกยังคงอ้อนใส่ไม่เลิก
เด็กน้อยไม่รู้เท่าทันเกมส์ของคนเจ้าเล่ห์สักนิด
จึงโน้มหน้าลงก่อนจะหลับตาพริ่มอย่างสมยอม ริมฝีปากเรียวเล็กถูกดื่มกินอย่างอ่อนโยน
ลิ้นร้อนกำลังลุกล้ำสัมผัสรสหวานทั่วริมฝีปากอุ่น
ก่อนจะผละออกจากร่างบางที่กำลังใจเต้นเพราะจูบของคนเจ้าเล่ห์
ทันทีที่ยงกุกถอนริมฝีปากออก
เจโล่ก็มองตายงกุกอย่างมีความหวังว่าจะได้รู้เรื่องสักที
แต่มันกลับกลายเป็นคำพูดที่ชวนให้โมโหยิ่งกว่าเดิม
“แม่บอกว่า..
แม่จะเล่าให้เจโล่ฟังเองทีหลังนะครับ!!!” ยงกุกพูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างสะใจเล็กน้อยที่หลอกจูบอีกคนได้สำเร็จ
“พี่ยงกุก!!! ผมโกรธพี่แล้วด้วย”
เจโล่รีบลุกออกจากตักของยงกุกทันที
ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องเพราะเซ็งอย่างแรงที่โดนหลอกซะสนิท
ในระหว่างที่นั่งรอเจโล่ให้อารมณ์ดีแล้วกลับเข้ามาในห้อง
ยงกุกก็นั่งทบทวนเรื่องราวมากมายที่เขามั่นใจว่าถ้าเจโล่รู้เรื่องเข้าคงทำใจยอมรับไม่ได้แน่
แต่เขาจะทำอะไรได้เพราะต่อให้เจโล่ไม่ต้องการ
เขาก็ไม่สามารถพาเจโล่หนีไปจากชะตากรรมบ้าๆ นี้ได้
“พี่จะปกป้องนายเองนะเจโล่!!!” นั่นคือสิ่งที่ยงกุกได้เลือกแล้ว
“พ่อฮ่ะ! แม่อยู่ไหนครับเนี่ย?”
เจโล่ที่เดินลงมาจากห้องนอนของตัวเองก็เจอเข้ากับพ่อที่ทำหน้ากลุ้มใจไม่ต่างอะไรกับเขาสักเท่าไหร่
“เจโล่ถามหาแม่ทำไมหรอลูก??” คุณชเวพยายามจะถามหาสาเหตุจากเจโล่
“พี่ยงกุกไม่ยอมบอกผมว่าคุยอะไรกับแม่ ผมก็เลยจะไปถามแม่เอานะฮ่ะ!!”
ว่าแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ เอาเอง
คนเป็นพ่อเห็นแบบนั้นก็ยิ่งสะท้อนใจไปกันใหญ่ เจโล่ไม่เหมาะกับโลกแบบนั้นเสียจริง
“ถ้าแม่เขาอยากจะเล่าเขาก็บอกเจโล่เองนั่นแหล่ะน่า
ทำไมเจโล่ต้องกลุ้มใจอะไรขนาดนั้นด้วยลูก?” ทั้งที่สงสารแต่ก็จนปัญญาจะแก้ไขอะไร
“ผมก็แค่อยากรู้นะฮ่ะ
พอไม่ได้รู้สักทีก็เลยหงุดหงิดน่ะฮ่ะ!” เจโล่ตอบคนเป็นพ่อพร้อมกับทำหน้ามุ่ยแบบที่ทำบ่อยๆ
“เดี๋ยวพ่อจะถามแม่เขาให้แล้วกันนะ!” เจโล่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างไร้เดียงสา
“จริงๆ นะฮ่ะ? เจโล่รักพ่อสุดๆ
เลยครับผม!!” ว่าจบก็เข้าไปกอดพ่ออย่างกับเด็กๆ
นั่นยิ่งทำให้ซึงฮยอนกลุ้มใจหนักกว่าเดิมว่าเขาควรบอกลูกชายของเขายังไง
เด็กคนนี้คงรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากแน่ๆ !!
“ฉันต้องการจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนพวกนี้
ทุกเรื่องที่พวกมันทำ ธุรกิจที่พวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไปหาข้อมูลมาเดี๋ยวนี้!!!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามดังลั่นห้องอาหารที่ถูกจัดวางขึ้นมาเพื่อการพบปะของคนกลุ่มหนึ่ง
“นายหญิงต้องการจะทำอะไรไม่ทราบ
ที่ผมถามเพราะอยากจะรู้ถึงเจตนาที่แน่ชัดก่อนลงมือทำอะไร?” ชายคนหนึ่งถามขึ้นมาทันทีที่อีกคนพูดจบ
โดยมีเสียงที่เห็นด้วยลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ฉันจำเป็นต้องบอกด้วยรึไง?” ในขณะที่ทุกคนกำลังส่งเสียงร้องขอเหตุผล
ก็ต้องเผชิญหน้ากับโทสะอันร้ายกาจของท่านรุ่นที่สี่ เซริว!
ไม่นานหลังจากน้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น
ดาบที่ไม่รู้มาจากไหนกำลังจ่ออยู่ที่ลูกกระเดือกของคนที่เริ่มอ้าปากออกมาคนแรก
พร้อมกับนัยน์ตาของยักษ์ไร้ความปราณีที่จ้องมองอีกคนอย่างโกรธเกรี้ยวไม่วางตา
“ถ้าฉันอยากจะฆ่าใคร ฉันควรจะให้เหตุผลกับคนๆ
นั้นด้วยรึไงกัน?” ดาบนั่นเลื่อนลงจนจ่ออยู่ที่อกก่อนจะถูกทิ่มแทงลงช้าๆ
อย่างเบามือจนเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา
“นายหญิง!” แววตาที่ไร้ความปราณียังคงจ้องมองอีกคนไม่ลดละ
“จะทำ รึไม่ทำ?” คำถามที่ถูกเอ่ยออกมาไม่มีใครกล้าตอบ
ไม่มีใครที่กล้าจะเอ่ยปากพูดออกมา มีเพียงเสียงหายใจถี่รัวของคนที่โดนดาบทิ่มแทง
“ผมจะไปหาข้อมูลทั้งหมดมาให้
จะสืบค้นทุกอย่างเป็นอย่างดีครับ” ดาบที่ทิ่มแทงถูกคลายออกจากอกอย่างช้าๆ
“มีใครต้องการเหตุผลอะไรจากฉันอีกไหม?” นั่นคือคำพดสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะรีบขอตัวออกจากห้องไป
เหลือไว้เพียงสตรีนางเดียวที่ในตอนนี้กำลังสงบสติของตนลง
คนที่ครั้งหนึ่งถูกฝึกให้เรียนรู้วิถีแห่งดาบและศิลปะแห่งการฆ่า
นั่นคือสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด
“จงเอาตัวรอด ต่อให้ต้องปลิดชีพใครต่อใครก็จงทำ
เพราะจะไม่มีใครออมมือให้เจ้า โทะกุงาวะ เซริว!!!” นั่นคือสิ่งที่เด็กสาวได้เรียนรู้และฝึกฝน
ตลอดช่วงเวลาสองปีที่เธอต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเอาตัวรอดด้วยการพรากลมหายใจไปจากคนอื่น
เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลาที่แสนโหดร้ายนั้นก็ทำให้ความเบื่อหน่ายแทรกซึมเข้ามา
เธอเก่งด้วยเลือดที่ไหลเวียนในกาย เธอแกร่งเพราะความต้องการจะมีชีวิตรอด
และเธอชนะทุกคนที่หันอาวุธมาที่เธอ
จงตวัดดาบของเจ้าเพื่อบั่นศรีษะของศัตรูให้ขาดในดาบเดียว
จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองหากเจ้าพลาด เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของเจ้าอาจถูกชิงไปแล้ว
หลังจากได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายสุดที่รัก
ดูเหมือนว่าด้านมืดที่ปกปิดมานานจะถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแล้ว
เพื่อปกป้องลูกชายคุณนายชเวจึงเลือกที่จะหวนคืนสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเธอโกรธจนไร้สติยั้งคิดแต่เธอรู้วิถีของคนโฉดดี
ไม่มีทางที่คนพวกนั้นจะปล่อยยงกุกกับเจโล่เอาไว้นานเป็นแน่
และทางที่ดีที่สุดคือเธอต้องออกมาคุมบังเหียนเองอีกครั้ง
“แม่ไปไหนมาหรอฮ่ะ? เจโล่หิวข้าวมากๆ
เลย?” เจโล่รีบโผเข้ากอดคุณนายชเวทันทีที่เธอเดินกลับเข้าบ้าน
“แม่คิดว่าแม่จำเป็นต้องเล่าบางอย่างให้ลูกฟังนะเจโล่! สัญญากับแม่ได้ไหม? ว่าเมื่อลูกได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างจากแม่
ลูกจะไม่โกรธและเข้าใจแม่น่ะ!!!” เจโล่ไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้มีสีหน้าจริงจังแบบนั้น
แต่เขาก็ตบปากรับคำ
“ฮ่ะ ผมจะไม่โกรธแล้วก็จะเข้าใจแม่ทุกอย่างเลยฮ่ะ!”
ในตอนนี้ทั้งสี่คนกำลังนั่งคุยกัน
คุณและคุณนายชเวนั่งข้างกันเหมือนทุกครั้งและเช่นเดียวกับที่ยงกุกและเจโล่จะนั่งข้างกัน
เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ต่างออกไปก็เพียงแค่บรรยากาศที่แสนจะตึงเครียดนี้เท่านั้น
เป็นเวลานานที่เจโล่นั่งฟังคนเป็นแม่พูดอธิบายเรื่องราว
แม้จะไม่เข้าใจอะไรแต่ก็ยอมรับฟังแต่โดยดี
แต่ทันทีที่เป็นเรื่องของยงกุกเจโล่ก็เริ่มจะรักษาความมั่นคงทางอารมณ์เอาไว้ไม่ได้
น้ำตาที่ตอนนี้อาบทั้งสองแก้มใสทำให้คนเป็นแม่ปวดใจยิ่งนัก
แววตาที่ตัดพ้ออยู่ในทีกำลังมองตอบกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องเป็นพี่ยงกุก? ทำไมพี่ต้องรับปากอะไรแบบนั้นด้วยฮ่ะพี่ยงกุก??”
หลังจากได้ฟังทั้งหมด
ทุกคนต่างนิ่งเงียบเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเจโล่ต้องมีท่าทีแบบนี้ตอบกลับมาเป็นแน่
“เจโล่อ่า!! พี่เป็นคนเต็มใจทำเองนะ!!!”
ยงกุกดึงเจโล่ที่ร้องไห้ฟูมฟายมากอดเอาไว้เพื่อปลอบโยนคนขวัญเสีย
“ทำไมล่ะครับ? แต่พี่ยงกุกสัญญากับผมแล้วพี่จะเลิกนี่ครับ
พี่จะไม่สู้กับใครอีกถ้าเรื่องนี้จบอ่ะ!!” เจโล่ยังคงโวยวายออกมาไม่ยอมหยุด
ทั้งเสียใจ ทั้งไม่เข้าใจ น้ำตาจึงไหลออกมาไม่ขาดสาย
“มันเป็นทางเดียวที่พี่จะปกป้องเจโล่ได้ดีที่สุดนะครับ
เชื่อใจพี่นะ!!” ยงกุกพยายามหว่านล้อมให้เจโล่เข้าใจ
“ทำไมผมต้องรุ่นที่ห้าบ้าบออะไรนั่นด้วยเล่า???”
น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าถูกส่งไปหาผู้เป็นแม่ที่ในตอนนี้กำลังเสียใจไม่ต่างจากลูกชายสุดที่รัก
เพราะนี่คือสิ่งที่ครั้งหนึ่งเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“แต่ถ้าลูกไม่ทำ พวกเขาคงตายกันหมดแน่
และรวมถึงยงกุกด้วย!!” ซึงฮยอนพูดกับลูกชายอย่างใจเย็น
นี่เป็นเหตุผลที่เขาเลือกจะทำตามคนของสามตระกูลใหญ่
มันเป็นทางเดียวที่ทุกคนจะปลอดภัยโดยที่ไม่ต้องสู้เลยแม้แต่น้อย
“ผมไม่อยากเห็นหน้าพ่อกับแม่
พี่ยงกุกพาผมไปอยู่ที่บ้านพี่นะฮ่ะ” เจโล่พูดกับยงกุกโดยไม่สนใจหันไปมองคนเป็นพ่อเป็นแม่
ซึ่งคุณและคุณนายชเวไม่โกรธหรือถือโทษอะไร เขาทั้งสองรู้สึกขอบคุณยงกุกด้วยซ้ำไป
เพราะหากไม่มียงกุกอยู่ด้วย เจโล่คงรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากมากขึ้นไปอีกเป็นแน่
“เดี๋ยวแม่จะเก็บของๆ น้องให้
ยงกุกค่อยมาเอาทีหลังก็ได้ ตอนนี้ช่วยปลอบใจน้องแทนพ่อกับแม่ด้วยนะยงกุก!!”
คุณนายชเวพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
เธอสุดล้าที่จะทำตัวเข้มแข้งในเวลาอย่างนี้
เรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเธอเมื่อในอดีตกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งกับเจโล่ของเธอ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ!” ว่าแล้วยงกุกก็ต้องจูงมือที่สั่นเทาของเจโล่เดินออกจากบ้านไป
ในตอนนี้ภายในบ้านที่เคยสดใสกลับดูมืดมนลงทันตาเห็น
มีเพียงสองผัวเมียที่นั่งปลอบใจกันเงียบ
“ลูกแค่ยังทำใจไม่ได้นะที่รัก
ถ้าแกเข้าใจพวกเราเมื่อไหร่แกจะกลับมาเองนะ!!” เขาเองก็เสียใจที่เจโล่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
แต่เขาเองก็สงสารเมียสุดที่รักเช่นกัน
เพราะเธอคือคนที่ผลักไสภาระหนักอึ้งนี้ไปให้ลูกชายของตัวเองกับมือ
แต่เพียงชั่วข้ามคืน
ข้อมูลของแก๊งค์ชินฮวาก็ถูกรวบรวมมาไว้ในมือจนครบ
และในตอนนี้การลงทัณฑ์กำลังจะเกิดขึ้น
การเอาคืนอย่างสาสมสำหรับคนที่บังอาจล่วงเกินนั้น ร้ายแรงกว่าที่ใครจะคาดคิด เหล่าคนโชคร้ายจะดับไฟโกรธเกรี้ยวที่ลุกโชนนี่ยังไงกันนะ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น