uncopy

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1st 12 เจ็บตัวจนได้

ชีวิตของผมกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากเจ้าของม้านั่งคนนั้นกลับมา ผมไม่รู้ว่ารักเด็กที่มอบรอยยิ้มสดใสให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำได้แค่เขาคือคนที่ผมโหยหาและคิดถึงมาตลอด จนเขากลับมาในชีวิตของผมอีกครั้ง เขามักจะมองผมด้วยรอยยิ้มสดใส หัวเราะสนุกทุกเรื่องที่ผมทำ ยกเว้นก็แค่เวลาอยากจะงอแงอยากให้ผมตามใจซึ่งก็น่ารักไม่น้อยทีเดียว คนที่เคยอยู่เพียงในมุมมืดกลับได้พบกับแสงสว่างอีกครั้งจากเด็กคนนั้น คนที่มอบอมยิ้มให้กับผมอีกครั้ง ผมคิดว่านั้นคือตอนที่ผมหลงรักเด็กคนนี้ คนที่ทำให้ผมไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ม้านั่งตัวนั้น เพราะมันเป็นสถานที่ของเขากับผมเพียงสองคน ณ ที่แห่งนั้น ผมได้รู้ว่าไม่มีทางอยู่ได้หากปราศจากเขา

“พี่ยงกุกอย่าลืมมารับผมกลับบ้านนะฮ่ะ ถ้ามาช้าผมโกรธไม่รู้ด้วย!” ผมไม่เคยขัดใจเจโล่ได้สักครั้ง ทั้งที่เจ้าตัวยุ่งของผมก็แสบไม่ใช่เล่น ทั้งที่เป็นคนน่ารักสดใสแต่บทจะใจร้ายก็เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก จะเรื่องไหนซะอีกก็เรื่องลองใจผมนะสิ ผมอยากจะลงโทษเจโล่โทษฐานทำให้ผมทรมานเพราะความเป็นสุภาพบุรุษของตัวเอง

“มีอะไรจะแก้ตัวไหมเจโล่ คืนนั้นทำไมถึงแกล้งพี่แบบนั้น แถมยังไม่ยอมขัดขืนปล่อยให้พี่ทำตามใจชอบอีก??” ผมเอาจริงเอาจังนะ แต่เจโล่กลับเอาแต่ยิ้มหวานใส่ ความดันก็ต้องมีขึ้นกันบ้างสิ
“ตอบพี่มานะเจโล่ ทำไมทำแบบนั้น?” คงเพราะผมเริ่มเสียงแข็งใส่ เจโล่ก็เลยงอนคืน
“ก็แค่อยากลองใจใครบางคน” ลองใจ?
“ถ้าพี่ทนไหว ผมจะได้กล้าอยู่ใกล้พี่สองคนไง” เจโล่ตอบผมโดยไม่มองหน้า สงสัยจะยังงอนไม่หายแน่ๆ
“แล้วถ้าเกิดพี่ไม่หยุดแค่นั้นล่ะเจโล่?” ตอนนี้เจ้าตัวยุ่งหันมามองหน้าผมแถมแก้มขาวก็เริ่มจะขึ้นสีแดงเรื่อ
“ผมก็จะยอมให้พี่ทำได้แค่นั้น แล้วหลังจากนั้นผมก็จะไม่ยอมเจอหน้าพี่อีกเลย จะย้ายกลับไปเรียนที่ญี่ปุ่นด้วย!!!” เจโล่ทำหน้าจริงจังใส่ผมจริงๆ นะ แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี
“แล้วถ้าเจโล่ไปจะไม่คิดถึงพี่หรอ?” ผมส่งสายตาออดอ้อนบ้าง แต่เจโล่ก็ไม่ได้คิดจะใจอ้อนเลย
“ผมไม่คิดถึงคนที่รักหลับผมหรอก ถ้ารักผมจริงก็ต้องไม่ทำแบบนั้นสิ” แล้วผมก็โดนสะบัดบ๊อบใส่อีกรอบ ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ ร่างกายผมมันไวต่อความรู้สึกนะ
“แล้วเจโล่จะยอมให้พี่ทำได้ตอนไหนล่ะ?” ก็ผมอยากรู้จริงๆ ผมไม่ผิดนะที่ถาม
“พี่ยงกุก! ถ้าพูดเรื่องนี้อีกผมจะไม่คุยกับพี่แล้วนะ” นั่นไง แก้มเริ่มป่อง ปากเล็กๆ ก็กลายเป็นลูกเชอร์รี่ ผมควรจับกดเลยดีไหม ปราบพยศซะเลย เฮ้อ!
“พี่ไม่พูดแล้ว สัญญาว่าจะไม่ล้วงเกินคนดีของพี่อีกแล้ว ยงเว้นแต่เจโล่ต้องการพี่จะสนองให้ถึงใจเลย!” นี่ถ้าไม่ใช่ว่าจอดรถแล้ว ผมว่าได้แหกโค้งแน่ๆ เพราะคนน่ากลัวอย่างบังยงกุกกำลังโดนทุบตีอย่างรุนแรงมาจากทุกทิศทุกทางก็ว่าได้ แต่แปลกที่ไม่ยักกะเจ็บสักนิด
“ฮึ! วันนี้ผมจะกลับกะยองแจ พี่ไม่ต้องมารับเลยนะ!!!” นั่นไง บทลงโทษมันรุนแรงเกินไปสำหรับผมนะ
“ถ้าเจโล่กลับกะยองแจ พี่จะเผาร้านไอ้ฮิมทิ้ง!” ผมยอมมานานแล้ว ขอขู่คืนบ้างนะงานนี้ เป็นไงเป็นกันเอาไว้ค่อยคิดทีหลัง
“งั้นผมจะกลับญี่ปุ่น!!!” แพ้สิครับ ผมแพ้อีกแล้ว เกลียดที่สุดก็คำว่าไปญี่ปุ่นนี่แหล่ะ
“ข้าน้อยบังยงกุกจะไม่ริทำการเหิ่มเกริมอีกแล้วขอรับนายน้อยเจโล่ อย่าใจร้ายกับทาสรักผู้ต่ำต้อยคนนี้เลยนะขอรับ!” เป็นไงล่ะ ผมเห็นตัวอย่างจากพ่อเจโล่มาเยอะนะ
“ชิ ยกโทษให้ก็ได้!” นั่นแหล่ะครับชีวิตของผม

นับตั้งแต่เหตุการณ์ลองใจของเจโล่ คงมีแค่ผมที่ไม่ได้คืบหน้าไปไหนมาไหน เพราะเท่าที่ดูคู่ของไอ้แด้กับน้องอบบี้ของมันคงจะไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้ากันเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคู่ก็ยังไม่รู้ว่าไอ้ฮิมมันคิดยังไงกับยองแจกันแน่แต่ยองแจนะรักมันแน่ๆ นี่ผมต้องช่วยเพื่อนผมอีกแรงใช่ไหมเนี่ย
แต่ยังไม่ทันได้คิดจะทำอะไร เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดึงขึ้นแทน
“ว่าไง?” ผมรู้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติแน่ไม่งั้นคงไม่โทรมาหรอก
“ลูกพี่! ตอนนี้พวกแก๊งค์ชินฮวามันกำลังมาล้อมพวกเราอยู่ มันบอกว่าเด็กของมาเสียเงินให้บ่อนเราก็เลยจะมาเอาคืนนะ!!” แม่งเล่นเสียเองแล้วยังจะมาเปรี้ยวใส่กูอีก
“รู้แล้ว! จะไปเดี๋ยวนี่แหล่ะ” แทนที่จะได้เตรียมนู๊นเตรียมนี้ไว้ให้เจโล่กินหลังเลิกเรียนก็ดันต้องไปกระทืบคนซะอย่างนั้น โถ่เว้ย!!

ผมคงจะมาถึงช้าไปใช่ไหม เพราะลูกน้องของผมนอนกองอยู่กับพื้นกันเกือบหมด
“ว่าไงไอ้ลูกหมา กว่าจะมาได้นะมึง?” นั่นไง ปากมึงนี่วอนโดนตีนกูจริงนะ
“ไม่เจอกันนานยังหน้าเหี้ยเหมือนเดิมนี่ครับ ไอ้เหี้ยจุนจิน” ขอกวนตีนมึงหน่อยเถอะ
“ไอ้เชี่ยนี้มึงอยากตายนักใช่ไหมบังยงกุก?” มึงจะเอาแต่พูดรึไง ก็จะรีบกลับไปหาที่รักนะโว๊ย
“ลูกพี่!” แต่แล้วผมก็หมดความอดทนกับพวกมัน ก็เสือกเอามีดจ้วงท้องลูกน้องคนสนิทของผมได้
“ฮยองซิกอ่า! ไอ้เชี่ยมึงอย่าอยู่เลย!!!” สติของผมมันขาดไปแล้วละครับ
ในตอนนี้คนของผมเหลือที่สู้ได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่พวกมันยังเหลืออีกเพียบนับสิบกว่าคนได้ แถมยังมีท่อนเหล็กครบมือ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผมควบคุมความโกรธของตัวเองไม่ได้ นั่นแหล่ะทุกคนถึงเรียกผมว่าปีศาจ
ผมดาหน้าเข้าใส่ไอ้คนที่วิ่งใส่ผมก่อน ก่อนจะอัดใส่มันเต็มแรงด้วยหมัดขวาเข้าที่ชายโครงของมันเต็มแรง และใช่! ท่อนเหล็กตกเป็นของผม หลังจากนั้นผมก็บรรจงฟาดใส่พวกมันไม่ยั้ง ที่เข่า คอ แขน ทุกจุดที่ร่างกายผมจำได้ดีว่ามันเป็นจุดที่คุณลงแรงแค่ไม่กี่ทีคู่ต่อสู้ก็ต้องนอนกองกับพื้น มือขวาของผมเหวี่ยงท่อนเหล็กใส่ไม่ยั้ง ส่วนหมัดซ้ายก็ชกใส่เต็มแรงสำหรับพวกที่โดนผมจับตัวไว้ได้ ตอนนี้ผมกำลังสนุกกับกิจกรรมอาบเลือดนี้ ผมไม่สนว่าคนพวกนั้นจะตายหรอก เพราะพวกมันสมควรตายและมันทำให้คนของผมต้องล้มหมอนนอนเสื่อด้วย
ไร้ซึ่งความปราณีใดๆ คนของแก๊งค์ชินฮวาโดนยงกุกเล่นงานจนนอนจมกองเลือด แต่ตอนนี้จมูกของสัตว์ร้ายที่ได้กลิ่นคาวเลือดไม่หยุดง่ายๆ จนกว่าทุกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าจะหมดไป ยงกุกไม่มีทางหยุดการต่อสู้นี้ได้ รอยยิ้มมุมปากฉายขึ้นอีกครั้ง เสียงหัวเราะในคอกำลังดังออกมาไม่ขาดสาย จุนจินที่เป็นถึงหัวหน้าของแก๊งค์ชินฮวาถึงกับผวาเมื่อได้เห็นภาพของยงกุกตอนนี้ เขาไม่ควรจะปลุกปีศาจตัวนี้ให้ตื่นเลย
และในตอนนี้คนเดียวที่ยังยืนอยู่ก็คือจุนจินเอง และเขาคือเหยื่อที่ปีศาจตัวนี้ต้องการเล่นงานมากที่สุด ดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือดของยงกุก ทำให้จุนจินตัดสินใจคว้าเอาปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาขู่ยงกุกเพื่อเอาตัวรอด กลับต้องหวาดกลัวเป็นที่สุดเมื่อยงกุกไม่หยุดนิ่งแต่กำลังเดินเข้าหาเขาอย่างใจเย็น ท่อนเหล็กที่ลากมากับพื้นก่อให้เกิดเสียงครู๊ดที่ทำให้อีกคนหลอน
เพราะความหวาดกลัวต่อปีศาจ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยิงออกไป ทั้งที่ต้องการมาขู่คนเหล่านี้ให้กลัว แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่ต้องหวาดกลัวเสียงเอง
ปั้ง!!
แม้แต่กระสุนปืนก็หยุดปีศาจไว้ไม่อยู่ ลูกกระสุนเฉียดไหล่ซ้ายของยงกุกไป เกิดแผลที่เนื้อไหล่ด้านซ้าย เลือดของยงกุกเริ่มไหล่ออกมา แต่ยงกุกยังคงเดินใส่จุนจินอย่างใจเย็น ในตอนนี้แม้แต่แรงจะวิ่งก็ไม่มี และเพราะกลัวยงกุกจึงทำให้จุนจินไม่กล้าแม้แต่จะยิงปืนใส่อีกครั้ง
“ไม่หนีรึไง?” สิ่งที่จุนจินได้ยินคือน้ำเสียงของปีศาจอย่างแน่นอน น้ำเสียงเย็นเยือกที่กัดกินวิญญาณของตัวเขาไปจนถึงความกลัวที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของตัวเอง นัยน์ตาของยงกุกได้มอบภาพความทรงจำอันเลวร้ายที่สุดของเขาให้หวนกลับมาอีกครั้ง เขากำลังกลัวจนแทบคลั่ง
ท่อนเล็กถูกฝาดเข้าเต็มแรงเข้าที่แขนข้างที่ถือปืนไว้แน่นและแน่นอนว่ามันหักทันทีที่โดน ยงกุกโยนท่อนเหล็กในมือทิ้ง เขาสนุกสนานกับการใช้ร่างกายของเขาในการทะเลาะวิวาทมากกว่า ยงกุกซัดเขาที่หน้าของจุนจินเข้าเต็มแรงด้วยหมัดขวา ก่อนจะเหวี่ยงเข้าอีกครั้งที่ชายโครงด้วยหมัดซ้าย จนจุนจินทรุดลงกันพื้นก่อนจะถูกรั่วไม่ยั้งด้วยหน้าแข้งที่ผ่านการใช้งานมานานจนไร้ความรู้สึก
โชคของจุนจินยังดีอยู่ที่มีคนมาช่วยเขาเอาไว้ได้ทันก่อนจะหมดสติไป
“ยงกุก! พอได้แล้ว!!” ลุงมินซูมาถึงพอดี เขามาทันได้เห็นหลานชายของตัวเองในสภาพที่เขาเกลียดกลัวมากที่สุด ปีศาจถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งแล้ว
“ยงกุกฟังลุงนะ!” แววตาของยงกุกยังคงเมินเฉยแต่อย่างน้อยเขาก็หยุดนิ่ง
“ลุงจะพาแกไปหาหมอ! ส่วนพวกนี้ให้คนของลุงจัดการ” พอสติของยงกุกเริ่มกลับมา ไหล่ซ้ายที่ถูกยิงก็เริ่มส่งผลให้ยงกุกหน้ามืดเพราะเสียเลือด แต่อาการไม่น่าเป็นห่วงเท่าคนที่โดนยงกุกเล่นงาน เรียกได้ว่าพวกนั้นไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่นอน

“นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้วนะ พี่ยงกุกทำไมยังไม่มาอีก?” เจโล่ที่รอยงกุกอยู่ที่ร้านของฮิมชานกำลังสติแตกเพราะยงกุกไม่เคยมารับเขาสายแม้แต่ครั้งเดียว
“โทรไปก็ไม่ยอมรับสายด้วย พี่แดฮยอนติดต่อพี่ยงกุกได้บ้างไหมครับ?” ตอนนี้เจโล่กำลังร้อนใจเพราะเขาไม่เคยต้องรอ
“ยังไม่ได้เลย เมื่อกี้ไอ้ฮิมก็เพิ่งโทรมาบอกว่าที่บ้านไม่มีใครอยู่” มันหายไปไหนของมันว่ะเนี่ย ทำไมไม่บอกไม่กล่าวเลยว่ะ หรือว่า?
“เดี๋ยวพี่จะลองโทรไปถามอีกคนแล้วกัน” ตอนนี้เจโล่พร้อมจะระเบิดน้ำตาได้ทุกเมื่อ
“พี่ยงกุกหายไปไหน? ทำไมไม่มารับผมสักทีล่ะ??” ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นมานานกำลังซึมออกทีละน้อยอย่างสุดจะกลั้น
“เจโล่ไม่ต้องนะ พี่ยงกุกนะเก่งที่สุดต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว” จองอบทำได้แค่ปลอบใจเพื่อนของเขา
“ไอ้แด้!” ฮิมชานกลับมาถึงร้านแล้ว และยองแจที่วิ่งตามมาก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เจโล่! ไปโรงพยาบาลกัน!!!” เกิดอะไรกับพี่ยงกุกกัน ทำไมผมต้องไปโรงพยาบาลล่ะ
“เกิดอะไรขึ้นฮ่ะพี่ฮิมชาน??” ตอนนี้น้ำตาที่ถูกกักเก็บมานานก็พากันพรางพรูไม่ขาดสาย แก้มใสตอนนี้กำลังอาบไปด้วยน้ำตาทั้งสองข้างแก้ม
“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะเจโล่ รู้แต่ลุงของไอ้ยงกุกโทรมาหาพี่เมื่อกี้นี้” ลุงของพี่ยงกุก ใครกัน? แล้วทำไมถึงอยู่โรงพยาบาลกัน ใครก็ได้อธิบายให้ผมเข้าใจทีสิ
“เจโล่ไม่ต้องร้องไห้หรอกนะ ฉันรู้ว่าพี่ยงกุกแข็งแรงขนาดไหน ไม่มีใครทำอะไรพี่ยงกุกของนายได้หรอกนะ” ยองแจเองก็เป็นห่วงยงกุกเช่นกัน แต่เขาก็มั่นใจว่ายงกุกไม่มีทางแพ้ใครเด็ดขาด
“รีบไปกันเถอะ พี่เอารถของไอ้ยงกุกมาแล้ว”

ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล ผมก็สังเกตเห็นว่ามีคนเจ็บมากมายเกินกว่าจะเป็นเรื่องปกติ ส่วนพี่ฮิมชานก็เดินนำไปจนถึงห้องพักเดี่ยวที่มีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้อง คนพวกนั้นน่ากลัวแต่ไม่มีใครบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” ฮิมชานถามคนที่หน้าห้องก่อน
“โดนเล่นงานนะ พวกฉันกลับมาถึงช้าเลยโดนยำซะเละ ดีที่ยงกุกไปช่วยไว้ทันไม่งั้นได้มีใครตายแน่ๆ แต่จะตายก็ตอนโดนยงกุกเล่นงานนี่แหล่ะ ขนาดโดนยิงยังซัดซะพวกมันเกือบตาย”
“โดนยิง!!!” ไม่จริง? มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่ยงกุกต้องถูกยิงด้วย
“เจโล่!!!” ผมดึงตัวเจโล่ไว้ไม่ทัน ส่วนเจโล่เองที่รีบเข้าห้องมาตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะตกใจกับสภาพของยงกุก ใบหน้าที่มีรอยช้ำนิดหน่อยไม่ได้มากมาย มือทั้งสองข้างก็ดูเหมือนจะมีผ้าพันไว้เช่นกัน แต่ที่น่าตกใจก็คือผ้าพันแผลที่ไหล่ซ้ายที่ทำเอาคนทะลึ่งพรวดเขาห้องมาถึงกับร้องไห้โฮ
“ออกไปข้างนอกให้หมด” คำสั่งจากยงกุกบอกให้คนของแก๊งค์รู้ได้เป็นอย่างดีว่าโดนสั่ง ทุกคนจึงรีบออกจากห้อง จะเหลือก็แค่ลุงมินซูแล้วก็พวกเราเท่านั้น
“ฉันอยากคุยกับเจโล่แค่สองคน” นั่นไงเพื่อนผม นี่พวกกูหอบสังขารมาเพราะห่วงมึงนะ นี่มึงไล่เลยหรอ แต่ผมก็เข้าใจนะเพราะเจโล่ไม่ยอมเดินไปหามัน เอาแต่ยืนร้องไห้ไม่ยอมเดินเข้าใกล้เตียงของมันแม้แต่น้อย จนคนเจ็บต้องลุกลากสังขารตัวเองเดินมาหาแทน
“ลุงว่าพวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะนะ!” ใช่ครับ ใครมันจะไปอยู่ต่อล่ะ ก็โดนไล่ออกมาซะหมด ก็เลยต้องถามเอาความจากลุงมินซูที่นอกห้องแทน

“เจโล่อ่า!” ยงกุกที่พยุงตัวเองเดินมาหาเจโล่ทำได้เพียงดึงตัวของเจโล่เข้าไปกออดอย่างอ่อนโยนเพราะเขาจนปัญญาจะตอบคำถามรึอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“ทำไม? ทำไมถึงโดนยิงล่ะฮ่ะ?? ฮือๆๆๆ” ผมไม่ชอบที่เห็นพี่เป็นแบบนี้นะ
“ทำไมถึงปาดเจ็บแบบนี้ฮ่ะ ฮือๆๆ” เจโล่ที่กำลังตกใจกับสภาพของยงกุกร้องไห้สะอื้นไม่ยอมหยุด ยงกุกเองที่เอาแต่นิ่งเงียบก็ทำเพียงกอดอีกคนเอาไว้แน่นๆ
“พี่ขอโทษ!” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของยงกุกทำให้เจโล่ดีขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เจโล่หยุดร้องไห้แล้ว แต่ยังสะอื้นอยู่
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพี่ยงกุกถึงไปมีเรื่อง?? แล้วทำไมถึงโดนยิง??? บอกผมมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลกำลังก่อตัวขึ้นอีกระรอก
“พี่ต้องปกป้องคนของพี่ พี่ขอโทษที่พี่ไปรับเจโล่ช้านะ” ตอนนี้ยงกุกกำลังมองเจโล่ด้วยความเป็นรู้สึกผิด เพราะเขาคุมสติตัวเองไม่อยู่เลยทำให้ตัวเองโดนยิง
“พี่ยงกุกกลับไปนั่งที่เตียงเดี๋ยวนี้เลย!” ถึงผมอยากจะให้พี่กอดผมไว้แต่ตอนนี้พี่ปาดเจ็บอยู่นะ เพราะงั้นผมต้องให้พี่พักก่อน
“เจโล่อ่า” ขอพี่กอดนายต่ออีกนิดได้ไหม?
“ไม่ต้องมาเถียงผมด้วย!” ถ้าไม่เชื่อฟังผมจะโกรธจริงๆ นะ
“ถ้าพี่ไม่เชื่อฟังที่ผมพูด ผมจะร้องไห้ให้โรงพยาบาลแตกกันไปข้างเลยคอยดูสิ!!!” ว่าแล้วก็เบะอีกรอบเลยแล้วกัน ไม่ยอมกลับไปนั่งดีนัก
“ตกลงครับพี่นั่งก็ได้ อย่าร้องไห้นะ!” ผมอยากกอดเจโล่จริงๆ แต่นั่งที่เตียงแบบนี้จะกอดยังไงได้
“ผมจะสอบสวนพี่อีกรอบ แต่ตอนนี้แค่พี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วฮ่ะ” เจโล่โผล่เข้ากอดยงกุกเอาไว้ที่อกของเขา สองแขนโอบรัดรอบคอและศรีษะของยงกุกเอาไว้พร้อมกับเอียงศรีษะตัวเองซบลงเบาๆ ยงกุกเองก็ใช้ทั้งสองกอดเจโล่ไว้แน่น
“สัญญานะฮ่ะ ว่าจะไม่เจ็บตัวแบบนี้อีก สัญญากับผมนะ!” เจโล่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับยงกุก
“พี่สัญญา” ยงกุกเองก็ตอบกลับอย่างอ่อนโยนที่สุดเช่นกัน

“เอ่อ.. ลุงว่าเราคงต้องอยู่ข้างนอกกันสักพักนะน่ะ” ลุงมินซูมองเห็นภาพจากกระจกบานเล็กที่ประตูห้องได้อย่างชัดเจน นี่สินะคนที่มอบรอยยิ้มคืนให้กับปีศาจนะ
“อยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวลุงเลี้ยงเอง” ถึงเด็กหนุ่มอีกสี่คนจะงงกับคำชักชวนของลุงมินซู แต่ก็พอจะเข้าใจว่าตอนนี้ไม่ควรจะไปขัดจังหวะของทั้งสองคน


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น